xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคนคนปนข่าว : ชำแหละ ม.44 ปลดล็อก“ปิโตรเลียม”บนที่ดิน ส.ป.ก. ตีกินอีก 2 เด้ง“กังหันลม–ขุดแร่”เอื้อใครหรือเปล่า ??-ดึง“โค้ชซิโก้”คุมท่าเรือเอฟซี กระตุ้นความป๊อปปูลาร์“มาดามแป้ง”เตรียมบ๊ายบายวงการลูกหนัง เข้าสู่สนามการเมืองเต็มสูบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ข่าวปนคน คนปนข่าว



** ชำแหละ ม.44 ปลดล็อก“ปิโตรเลียม”บนที่ดิน ส.ป.ก. ตีกินอีก 2 เด้ง“กังหันลม-ขุดแร่”เอื้อใครหรือเปล่า ??

ยังโดนถล่มไม่เลิก กับการที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจหัวหน้าคสช. งัด“มาตรา 44”ขจัดขวากหนามทางกฎหมาย เพื่อกรุยทางให้ “รถไฟจีน”เริ่มตอกเสาเข็มในแผ่นดินไทยให้ได้เสียที .. กระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่รัฐบาลคสช.ใช้ “ม.44”เป็นใบเบิกทางนั้น ก็เป็นไปใน“เชิงลบ”อย่างต่อเนื่อง มาจากทั้ง“ฝ่ายตรงข้าม”ที่รอกระทืบจมเท้าอยู่แล้ว หรือ“คนเคยรัก”เคยสนับสนุน คสช. ยังรับไม่ได้ ที่ดูคล้ายมี“พลังงานบางอย่าง”ทำให้ คสช.ต้องลุกลี้ลุกลนใช้ “ม .44”ก้าวข้าม “หลักธรรมาภิบาล-ความโปร่งใส”ที่ทำให้ ประเทศไทยต้องเสียเปรียบทุกประตูแบบนี้ ..

ในจังหวะไล่เลี่ยกัน “นายกฯลุงตู่”ยังใช้อำนาจอาญาสิทธิ์ มาตรา 44 ปลดล็อกการใช้“ที่ดิน ส.ป.ก.”หรือที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ให้ดำเนินกิจการ 3 ด้าน “ลานน้ำมัน- กังหันลม-ขุดแร่”หรือ ผลิตปิโตรเลียม กิจการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลม และกิจการสำรวจเหมืองแร่ .. แม้การถือครองที่ดินจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็แย้งเต็มๆ ไปที่คำสั่ง“ศาลปกครองสูงสุด”พิพากษาให้เพิกถอนมติ“ส.ป.ก.ชัยภูมิ”อนุญาตให้เอกชนเช่าพื้นที่สร้างกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า หรือ“วินฟาร์ม”จนกลายเป็นลูกระนาดได้รับผลกระทบกันถ้วนทั่ว .. ตามมาด้วยคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ที่พิพากษาให้เพิกถอนการใช้พื้นที่ ส.ป.ก.ในการผลิตปิโตรเลียม .. จึงเท่ากับว่าการออกคำสั่ง คสช.ที่ 31/2560 นั้นกลับ“ผิดเป็นถูก - ดำเป็นขาว”โดยไม่สนใจคำพิพากษาของศาล แต่อย่างใด
สุวัจน์ ลิปตพัลลภ และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
น่าสนใจไม่น้อยว่า คำสั่งปลดล็อกที่ดิน ส.ป.ก.ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่มุ่งแก้ผลกระทบของผู้ประกอบการปิโตรเลียมบนบก ที่ "แหล่งน้ำมันสิริกิติ์" ใน อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร ที่ “ภาครัฐ”พยายามประโคมข่าวว่า ก่อให้เกิดผลเสียหายร่วม 1.5 พันล้านบาท“น้ำมันดิบ-ก๊าซธรรมชาติ”หายไปจากระบบเป็นจำนวนมาก เท่านั้น .. คำสั่ง 31/2560 ยังกินต่อไปถึง 3 เด้ง นอกจาก“ปิโตรเลียม”แล้ว“กังหันลม-ขุดแร่” กลับได้อานิสงส์ไปด้วย .. ทั้งที่ในส่วนของ“กังหันลม”ในที่ดิน ส.ป.ก.นั้น ค้างเติ่งมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวว่า“ผู้มีอำนาจลงนาม”อย่าง “บิ๊กตู่”ชะลอเรื่องไว้ เกรงว่าจะถูกมองว่า“บริษัทเอกชน”บีบให้ต้องออกมาตรา 44 และ “ผู้นำรัฐบาล”คงรู้อยู่แก่ใจว่า การเริ่มเข้าดำเนินกิจการกังหันลมของหลายบริษัทเอกชน เมื่อปี 2552 ในยุคที่ รมว.พลังงาน ชื่อ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล คู่เขยของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ไม่ค่อยถูกต้อง ตามครรลองคลองธรรม หากแต่เป็นการผลักดันโดย“รัฐมนตรีสั่งการ”ที่แลกมาด้วย“ค่าตั๋ว”มูลค่า “1 กิโลกรัมแบงก์ ต่อ 1 เมกะวัตต์”..ถ้าทะเล่อทะล่าเป็นไผ่ลู่ลมไป ก็เข้าข่ายรดน้ำให้“ต้นไม้พิษ”ที่มีจุดกำเนิดมาจากการคอร์รัปชัน

แต่ทำไปทำมา“บิ๊กตู่”ผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาลทาง“นิตินัย”ก็ดิ้นไม่ออก ต้องเซ็นคำสั่งตามที่“ใครบางคน”ต้องการให้พ่วง“กังหันลม”ไปด้วย .. เมื่อส่องดู 19 บริษัทเอกชน ที่ดำเนินกิจการพลังงานลมในพื้นที่ ส.ป.ก.นั้น มีรายหนึ่งที่น่าสนใจ คือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันในนาม“หุ้น EA”ที่สมัยหนึ่งเคยโด่งดังว่าเป็น“หุ้นบิ๊กทหาร”รวมอยู่ด้วย .. สำรวจตรวจสอบรายชื่อผู้บริหารในปัจจุบัน ก็ยังมีชื่อคุ้นหูอย่าง "สมใจนึก เองตระกูล" อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ผู้มากคอนเนกชัน เป็นประธานกรรมการบริหาร หรือประธานบอร์ดอยู่ .. ไม่เพียงเท่านั้นยังมีชื่อ“บิ๊กป๊อด”พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายแท้ๆ ของ “ป๋าป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ผู้มากบารมีในรัฐบาลคสช. นั่งเป็น บอร์ด EA อยู่ด้วย .. อาจเป็นคำตอบว่า ไฉนเลยกิจการกังหันลมในที่ดินส.ป.ก.ถึงได้อานิสงส์ ผลบุญจาก คำสั่ง คสช.ที่ 31/2560 ไปกับเขาด้วย
 เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และ นวลพรรณ ล่ำซำ
** ดึง“โค้ชซิโก้”คุมท่าเรือเอฟซี กระตุ้นความป๊อปปูลาร์“มาดามแป้ง”เตรียมบ๊ายบายวงการลูกหนัง เข้าสู่สนามการเมืองเต็มสูบ

ข่าวดังในวงการฟุตบอลไทยช่วงนี้ ต้องยกให้ข่าวที่ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ เอฟซี เปิดตัว"โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตโค้ชทีมชาติไทย เป็นกุนซือคนใหม่ ของทีม .. แน่นอนว่าดีลสะเทือนวงการลูกหนังครั้งนี้ ย่อมเป็นฝีมือของ“มาดามแป้ง”นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสร ที่ออกปากชวนให้“โค้ชโก้” กลับมารับงานคุมทีมระดับสโมสรอีกครั้ง .. ถึงเปิดตัวนัดแรกไม่สวย โดนถล่มเละคาถิ่นคลองเตย ก็ยังดูว่าน่าจะเป็นดีลที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับแฟนบอล แต่ความ เป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น “แฟนสิงห์เจ้าท่า”บางส่วนออกอาการหวาดระแวงในตัว“ประธานคนสวย”พอสมควร ก็ผลงานทีมภายใต้การดูแลของ“เซอร์เด็จ”จเด็จ มีลาภ ที่ต้องเขยิบขึ้นไปเป็นที่ปรึกษา ก็ไม่ขี้ริ้ว เกาะอยู่ในกลุ่มกลางตารางตามเป้าหมาย .. จู่ๆ ไปดึงเอา “โค้ชโก้”มาแทนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งที่อดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทยเพิ่งให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า ไม่สนใจที่จะคุมทีมระดับสโมสร .. วิเคราะห์กันต่ออีกว่า สาเหตุที่“โค้ชซิโก้”มาคุมท่าเรือ ไม่ได้มาจากเหตุผลเรื่องฟุตบอล ไม่ได้เกี่ยวกับผลงานของทีม ด้วยปัจจัยของทีมในตอนนี้ ถึงดึงโค้ชระดับโลกมาก็ได้แค่นี้ จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องไปเอา“โค้ชซิโก้”เข้ามาในจังหวะนี้

จึงมีการมองกันว่า“มาดามแป้ง”ต้องการ “สร้างกระแสบางประการ”เท่านั้น .. ทำให้นึกย้อนไปถึงแผนการก้าวเข้าสู่การเมืองของ“มาดามแป้ง” ที่อาจถูกปัดฝุ่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังต้องชะลอไป เนื่องจากคสช.เข้ามายึดอำนาจ โดยใช้ “โค้ชซิโก้”มากระตุ้นความป๊อปปูลาร์ของทีม และตัวเธอเอง ที่ปีนี้ดูจะแผ่วๆ ลงไป .. โดยมีเงื่อนไขประการนึง หากได้เข้าสู่ลู่เลนในตำแหน่งที่ต้องการ ก็จะหนีบ“โค้ชซิโก้”ไปกินตำแหน่งในด้านกีฬาด้วย เป็นสาเหตุที่ทำให้ อดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทย

ยอมมารับงานที่คลองเตย .. สอดคล้องกับพันธะสัญญาในการทำทีมท่าเรือ ที่เหลืออยู่อีกราว 2 ปีครึ่ง รวมทั้งตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติหญิง ก็ได้“บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมบอลไทย ที่มีนโยบายจะยกเลิกระบบผู้จัดการทีม ปูทางลงให้“สาวแป้ง”อยู่แล้ว .. รอก็แต่วันฟ้าเปิด สนามการเมืองกลับมาเหมือนเดิมเท่านั้น

เป้าหมายแรกของ“สาวแป้ง”ก็ยังเล็งไปที่เก้าอี้ “ผู้ว่าฯ กทม.หญิงคนแรก”เหมือนเดิม โดยหวังจะสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผูกพันกับ“อาณาจักรเมืองไทยประกันภัย”กันมาอย่างยาวนาน และเจ้าตัวก็ตีตราจองมานาน เคยได้รับการวางตัวเป็น ว่าที่ผู้สมัครของค่ายสีฟ้าแล้วด้วยซ้ำ ดันมีคิว คสช. เข้ามาแทรกเสียก่อน .. หากแต่ล่าสุดมีกระดูกเบอร์ใหญ่อย่าง “บังริน”สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาฯ อาเซียน ที่เพิ่งประกาศพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แล้วเช่นกัน แต่ก็เป็นเพียงการทาบทามอย่างไม่เป็นทางการเท่านั้น .. ถึงเวลาเคาะจริงๆ ระดับ“สาวแป้ง”ที่มีความพร้อมทุกด้าน ทั้งทุนทรัพย์-รูปเป็นทรัพย์ คงไม่ยอมง่ายๆ

** “น้องใบเตย เพลงที่มีงู”ท่าจะพ่นพิษ มีเรื่องในผับตอนตีสามครึ่ง“5 เสือวังทองหลาง”เตรียมแพ็กกระเป๋าได้

ขอ เพลงที่มันมีงูออกมาอ่ะ ตื่อ ดือ ดื่อ ดือ ตืด ตืด ตืด ตื๊อดื่อดือ วลีฮิตในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ทำให้เด็กสาวธรรมดาๆ คนนึงโด่งดังสนั่นโลกโซเชี่ยล .. แม้จะเจอข่าวเชิงลบในทำนองเป็น“ผู้หญิงทำงานกลางคืน”ออกมา“สกัดดาวรุ่ง” แต่ก็ไม่ทำให้ “น้องใบเตย เพลงที่มีงูออกมา”ลดความดังไปแต่อย่างใด .. โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ที่ยังมีการแชร์และพูดถึงกันอย่างต่อเนื่อง .. เช่นเดียวกับในโลกความจริง ที่เจ้าตัวพร้อมทีมงานดีเจผู้ปล่อยคลิปสร้างกระแส“ไวรัล-ปากต่อปาก” ก็มีงานไหลมาเทมา โดยเฉพาะงานเปิดแผ่นในสถานบันเทิงยามค่ำคืน ที่ต้องหนีบ “น้องใบเตย”ไปเลื้อยท่างู เป็นจุดขายด้วย .. แต่ค่ำคืนก่อนดันไปเกิดเรื่องในผับแห่งหนึ่งแถวเลียบทางด่วนรามอินทรา ในพื้นที่“สน.วังทองหลาง”..

เรื่องราวมีว่า ในขณะที่ “ทีมงานดีเจ”กับ “น้องใบเตย”กำลังสร้างความบันเทิงอยู่ในผับ ก็เกิดกระทบกระทั่งกับกลุ่มนักเที่ยว จนมีเรื่องราวชกต่อย-รุมทำร้ายกัน หลังเกิดเหตุก็พากันไปแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง ทันที เรื่องราวอาจจะเป็นเพียงการวิวาทปกติ เคราะห์ดีที่ไม่มีใครเจ็บหนัก หรือเสียชีวิต ทว่าใน “ใบแจ้งความ-บันทึกประจำวัน”ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ระบุเวลาแจ้งความ 04.30 น. ของวันที่ 26 มิ.ย. กลับระบุว่า เกิดเหตุเมื่อเวลา 03.30 น. อ่านภาษาชาวบ้านว่า “ตีสามครึ่ง”สถานที่เกิดเหตุในผับแห่งหนึ่ง บรรยายต้นสายปลายเหตุไว้อย่างละเอียด .. จนเป็นที่สงสัยว่า“ตีสามครึ่ง”ที่จะเข้าเช้าวันใหม่แล้ว สถานบันเทิงแห่งนั้นยังเปิดให้บริการอยู่อีกหรือ .. หรือบางทีผู้เสียหายที่ไปแจ้งความอาจจะจำเวลาผิด แต่สมัยนี้เทคโนโลยีทันสมัย ก็กลายเป็น“ดาบสองคม”เผอิญมี “มือดี”ถ่ายทอดสดไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ที่ร้านดังกล่าวในช่วงที่มีเรื่องพอดี แถมบรรยากาศก็ชัดเจน ว่ายังให้บริการอยู่ จนถึงนาทีนี้ก็ยังหาชมย้อนหลังกันได้ ซึ่งมีการระบุเวลาที่สามารถคำนวณเวลาเกิดเหตุไว้ได้อย่างใกล้เคียงที่มีการบันทึกใน “ใบแจ้งความ”เสียด้วย ..

เชื่อเหลือเกินว่า คดีทะเลาะวิวาท-ทำร้ายร่างกายของคู่กรณีคงเคลียร์กันลงตัวไม่ยาก ขอโทษขอโพย เสียค่าปรับ แล้วก็แล้วกันไป .. แต่“งานมันจะเข้า” สน.วังทองหลาง ไม่รู้ตัวน่ะสิ ถ้ามาตรฐานเดิมๆ ปล่อยให้ร้านเหล้าเปิดเกินเวลาแบบี้ ก็คงถึงคราวซวย “5เสือวังทองหลาง”อีกครั้ง .. “บิ๊กแป๊ะใหญ่”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. “บิ๊กแป๊ะเล็ก”พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ทราบแล้วเปลี่ยน .
 

ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น