อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน โชว์ผลงาน บริษัท ประชารัฐฯ ขอนแก่น ชู 28 ชุมชนเป้าหมาย “บิ๊กตู่” ชมโคขุนขอนแก่น พรีเมียม บีฟ อร่อย สร้างรายได้ให้ 2,000 ครัวเรือน กว่า 1 แสนบาทต่อปี พร้อมกำชับพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำสังคม ช่วยสร้างรายได้ให้สังคมยั่งยืน
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เดินทางร่วมคณะนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ในการลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น โดยช่วงเช้าได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น จากนั้นเดินทางไปที่สหกรณ์โคนมขอนแก่น ที่บ้านซำจาน ต.บ้านค้อ อ.เมืองขอนแก่น เพื่อติดตามผลงานของรัฐบาล และมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) จำ นวน 5 แปลง มอบโรงรวบรวมผลิตน้ำนมดิบ และโรงผสมอาหารสัตว์ให้กับสหกรณ์โคนม ขอนแก่น จำกัด รวมทั้งมอบงบประมาณสนับสนุนโครงการธนาคารโคนมทดแทน และมอบเงินสนับสนุนโครงการยางพาราในหน่วยงานภาครัฐปูพื้นโรงเรือนโคนม หลังจากนั้น นายกฯ จึงกล่าวปราศรัยพบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ จำนวน 1,200 คน
โอกาสนี้ กรมการพัฒนาชุมชน โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดขอนแก่น และ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีขอนแก่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ได้จัดนิทรรศการแสดงผลสำเร็จการขับเคลื่อนงาน บ.ประชารัฐฯ จาก 28 ชุมชนเป้าหมาย อาทิ โคขุนขอนแก่น พรีเมียม บีฟ ข้าวทับทิมชุมแพ ผ้าไหมคุ้มสุโข หมู่บ้านหมูจงอาง และหมู่บ้านท่องเที่ยวเกษตรเชิงวิถี อ.ภูผาม่าน นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ด้วย โดยมี นายทวีป บุตรโพธิ์ รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และทีมงาน พช. ขอนแก่น ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชน ได้นำเสนอ บริษัท ประชารัฐรักษามัคคีขอนแก่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด โดย นายชาติชาย โฆษะวิสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีขอนแก่น (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด เป็นตัวแทนบริษัทนำเสนอข้อมูลบริษัท ประชารัฐฯ ในภาพรวม การขับเคลื่อนการดำเนินงานและคัดเลือกชุมชนเป้าหมาย ร่วมกับคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐ (คสป.) จังหวัดขอนแก่น ในรอบแรกจำนวนทั้งหมด 28 กลุ่มเป้าหมาย เป็นชุมชนที่มีกิจกรรมที่สามารถพัฒนาได้ใน 3 เรื่อง คือ
1) ด้านการเกษตร 9 กลุ่ม (16 ผลิตภัณฑ์) : มีรายได้ 1,610,000 บาท เช่น กลุ่มข้าวทับทิมชุมแพ สหกรณ์โคนมขอนแก่น (อ.เมือง) ผักปลอดภัย (อ.ซำสูง อ.เมือง) ข้าวโพด (บ้านฝาง) 2) ด้านแปรรูป/OTOP/SMEs 10 กลุ่ม (29 ผลิตภัณฑ์) มีรายได้ 30,945,000 บาท เช่น ผ้าไหมคุ้มสุโข (อ.ชนบท) ผ้าใหม่อีรี่ (อ.มัญจาคีรี) แปรรูปข้าวกับทับทิม (อ.ชุมแพ) กลุ่มแปรรูปน้ำมะนาว (อ.บ้านไผ่) กลุ่มตัดเย็บ (อ.บ้านไผ่) 3) ด้านท่องเที่ยวโดยชุมชน 9 ชุมชน (15 ผลิตภัณฑ์/สินค้า/บริการ) มีรายได้ 964,000 บาท เช่น หมู่บ้านงูจงอาง (อ.น้ำพอง) ท่องเที่ยวเกษตรเชิงวิถี (อ.ภูผาม่าน) หมู่บ้านเต่า (อ.มัญจาคีรี)
นอกจากนี้ นายคมเพชร ครสิงห์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยม่วง เพิ่มเติมในเรื่อง “การท่องเที่ยวโดยชุมชนภูผาม่าน” ว่า เป็นโครงการ/กิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรเกิดการรวมกลุ่มกันในกิจกรรมเดียวกัน อาทิ การปลูกพืชผักปลอดภัย และพัฒนาเป็นการส่งเสริม “การท่องเที่ยววิถีการเกษตร” โดยมีจุดแข็งของพื้น อ.ภูผาม่าน มีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม อาทิ ถ้ำค้างคาว
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ บริษัท ประชารัฐฯ ดำเนินการสนับสนุนและส่งเสริมให้มีกิจกรรมลักษณะนี้ต่อไป เพราะนอกจากจะทำให้เกิดการรวมกลุ่มในชุมชนแล้ว ยังสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างอำนาจในการต่อรองให้กับชุมชนได้อีกด้วย ขณะที่ นายอภิชาติ แนะให้บริษัท ประชารัฐฯ ขอนแก่น ดำเนินการในเรื่องการพัฒนาเรื่อง “ข้าว” โดยให้ บริษัท ประชารัฐฯ ขอนแก่น ไปดำเนินการจัดทำองค์ความรู้ผลิตภัณฑ์ข้าวดังกล่าวของพื้นที่ พร้อมทั้งนำ MD บริษัทลงไปวิเคราะห์ชุมชน โดยตั้งต้นจากชุมชน นำปัญหาและความต้องการ มาแก้ไข ให้บริษัทวิเคราะห์ แผนธุรกิจ นำไปต่อยอดให้ชุมชน/กลุ่มมีความยั่งยืนที่สุด ให้บริษัท ประชารัฐฯ เข้าไปช่วยในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และยกระดับสินค้า OTOP ทั้งในด้านการส่งเสริมการขาย การพัฒนาคุณภาพมาตรฐาน และช่องทางการตลาด