รองนายกรัฐมนตรี เผยที่ดิน ส.ป.ก.ใช้ทำเหมืองแร่ กังหันลม ขุดเจาะน้ำมัน แค่ 4 พันไร่ โยนกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติสำรวจก่อนให้อนุญาตทำสัมปทานหรือไม่ ส่วนกังหันต้องดูให้อนุญาตรวมทำถนนด้วยหรือไม่ บอกเอกชนดำเนินกิจการได้จนกว่าจะมีกฎกระทรวงใหม่ค่อยขออีกที
วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มีมติเห็นชอบให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการแก้ปัญหาการใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ว่าอยู่ระหว่างการปรับปรุงรายละเอียดตามที่ คสช.ได้ให้ความเห็นไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจว่ามีที่ดินที่ถูกนำมาใช้ในการปฏิรูปที่ดินเพียงร้อยละ 40 ของที่ดินทั่วประเทศ โดยในส่วนนี้มีการนำไปใช้เช่าที่ดินเพื่อทำประโยชน์อย่างอื่นนอกเหนือภาคการเกษตร เช่น ทำเหมืองแร่ กังหันลม ขุดเจาะน้ำมัน ทั้งหมดมีไม่ถึงร้อยละ 0.1 หรือ 4,000 ไร่
นายวิษณุกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีของการขุดเจาะน้ำมันที่ผ่านมาพบว่ามีเฉพาะที่อำเภอลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร แต่ก็พบว่าจะมีการสำรวจใหม่ในพื้นที่ภาคอีสานอีกบางจุด ต้องให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติลงไปสำรวจก่อนที่จะมีการพิจารณาอนุญาตให้สัมปทานหรือไม่ต่อไป ส่วนกรณีของกังหันลมนั้น การอนุญาตให้ใช้พื้นที่ต้องพิจารณาด้วยว่าจะอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเฉพาะที่ติดตั้งกังหันลม หรือจะต้องรวมถึงการทำถนนตัดผ่าน เพื่อให้สะดวกต่อการขนถ่ายพลังงาน รวมไปถึงการพิจารณาถึงเรื่องการเปิดพื้นที่ให้มีการสำรวจแร่หรือทรัพยากรธรรมชาติ ที่อนาคตยังไม่รู้ว่าโลกจะมีความต้องการแร่ใดอีกบ้าง ก็อาจจะจำเป็นที่ต้องพิจารณาหลักเกณฑ์เหล่านี้รวมไปด้วย ทั้งหมดเป็นความยุ่งยากที่อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดก่อนที่จะประกาศใช้ต่อไป
นายวิษณุกล่าวต่อไปว่า ภายหลังที่มีการคำสั่งหัวหน้า คสช. เอกชนที่ได้รับอนุญาตก่อนหน้านี้จะสามารถดำเนินกิจการได้ไปพลางก่อน จนกว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตให้เอกชนใช้ประโยชน์จากที่ดิน ส.ป.ก.ใหม่ โดยต้องนำเรื่องมาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาทุกครั้ง จากเดิมที่ คปก.เป็นผู้พิจารณาและอนุมัติได้ทันที โดยปัจจุบันพบว่า มีเอกชนขุดเจาะน้ำมันอำเภอลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร ประมาณ 5- 6 บริษัท พลังงานลมประมาณ 20 บริษัท เหมืองแร่ 5-10 บริษัท ทั้งหมดจะต้องทำการขออนุญาตใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ใหม่ ทันทีที่กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้