โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยเอกอัครราชทูตไทยประจำรัสเซียได้นั่งผู้พิพากษาศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ ชูคนไทยคนแรกได้นั่งตุลาการสหประชาชาติ คนแรกจากอาเซียน และโอเชียเนีย ยกชาวสยามได้ดำรงตำแหน่งเท่ากับยอมรับไทย พร้อมชูที่ประชุมองค์การแรงงานระหว่างประเทศเลือกนั่งสมาชิกประจำคณะประศาสน์การคะแนนสูงสุดในเอเชีย ขอช่วยกันส่งต่อข่าวดี
วันนี้ (17 มิ.ย.) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานว่า ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กิตติชัยเสรี เอกอัครราชทูตไทยประจำสหพันธรัฐรัสเซียได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ (ITLOS) วาระระหว่างปี 2560-2569 โดยเป็นครั้งแรกที่ไทยมีผู้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาในกลไกตุลาการของสหประชาชาติ และเป็นคนแรกจากภูมิภาคอาเซียนและโอเชียเนียที่ได้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ
“นายกฯ กล่าวว่า การที่คนไทยได้ดำรงตำแหน่งสำคัญดังกล่าว แสดงให้เห็นว่านานาชาติให้การยอมรับประเทศไทยที่ได้ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมหลักนิติธรรมด้านกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ เช่น การกำหนดอาณาเขตทางทะเล การทำประมงอย่างยั่งยืน สิ่งแวดล้อมทางทะเล พาณิชย์นาวี การอนุรักษ์และการใช้ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล เป็นต้น” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมประจำปีขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) สมัยที่ 106 ที่สวิตเซอร์แลนด์ ยังได้เลือกให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกประจำของคณะประศาสน์การ ILO ด้วยคะแนนสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตามด้วยเกาหลีใต้ บาห์เรน และอิหร่าน โดยคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่กำหนดนโยบายและบริหารองค์การแรงงานระหว่างประเทศ และยังจะมีบทบาทนำในอาเซียนในฐานะผู้ประสานงานอาเซียนในกรอบของ ILO ทั้งนี้ จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.60 เป็นต้นไป
“นายกฯ ยินดีที่นานาชาติให้การยอมรับประเทศไทยในหลายเรื่อง โดยอยากให้คนไทยร่วมสร้างมิติใหม่ในสังคมด้วยการเผยแพร่ส่งต่อข่าวดี สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ทุกคนมากกว่าข่าวลบหรือข่าวความรุนแรง เพราะมีข่าวดีมากมายที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เช่น ไทยเป็นประเทศไทยที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก ประจำปี 2017 ติดต่อกัน 2 ปี จากการสำรวจของ U.S. News สหรัฐอเมริกา และยังได้รับการจัดอันดับเป็น Top 10 ในอีกหลายด้าน เช่น ด้านการท่องเที่ยว ด้านการเจริญเติบโตในภาพรวม ด้านวัฒนธรรม และเหมาะกับการใช้ชีวิตยามเกษียณ เป็นต้น” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว