รองประธาน สปท. เผยปัญหาซื้อขายตำแหน่ง บั่นทอนแผนปฏิรูป ตร. ย้ำแต่งตั้งต้องยึดผลงาน ได้ดีเพราะพี่ให้ไม่ควรมี พร้อมเป็นตัวกลางรับร้องเรียนผ่านไปยังนายกฯ ให้จัดการเด็ดขาด
วันนี้ (14 มิ.ย.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจว่า ขณะนี้คืบหน้าไปมาก แต่ยอมรับว่าปัญหาเรื่องการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ เป็นสิ่งที่บั่นทอนการปฏิรูปกิจการตำรวจ เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องยึดถือหลักตามระบบคุณธรรมเป็นสำคัญ ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากรณีที่นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต สปท.ออกมาระบุว่าประเทศไทย พล.ต.ต.ใหญ่กว่า พล.ต.อ.นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ดังนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องลงมาจัดการสืบสวนสอบสวนอย่างเด็ดขาด ไม่ลูบหน้าปะจมูก เพราะหากปล่อยให้มีการซื้อขายตำแหน่ง ตำรวจก็จะหันหน้าเข้าหานายมากกว่าเข้าหาประชาชน และจะแสวงหาเงินมาทุกวิถีทางเพื่อใช้ในการไต่เต้าตามตำแหน่ง ในขณะที่ตำรวจดีๆ มีความสามารถ ได้รับการประกาศเกียรติคุณกลับถูกโยกย้ายไปที่อื่น เปรียบเสมือนการลงโทษ ไม่ได้รับความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ แบบนี้ใช้ไม่ได้ การแต่งตั้งโยกย้ายจะต้องยึดหลักผลงาน ความดีเป็นสำคัญ คำว่าได้ดีเพราะพี่ให้ ไม่ควรจะมี ควรจะต้องเป็นคำว่าได้ดีเพราะผลงาน ได้ดีเพราะประชาชนให้
นายอลงกรณ์กล่าวต่อว่า การที่มีอดีตรัฐมนตรีหรือใครก็ตามมาแจ้งเบาะแสการซื้อขายตำแหน่ง ถือเป็นคุณูปการต่อการปฏิรูปตำรวจ แต่การที่ยังมีมะเร็งเนื้อร้ายในวงการตำรวจก็จะต้องมีการผ่าตัด กำจัดอย่างเด็ดขาด ที่ผ่านมา สปท.ไม่นิ่งนอนใจมีการตั้งคณะอนุกรรมการปฏิรูปกิจการตำรวจ และคณะกรรมาธิการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อติดตามปัญหานี้ เพราะไม่ต้องการให้แผนปฏิรูปเป็นเหมือนคัมภีร์ที่วางอยู่บนหิ้ง ขอยืนยันว่าหากปฏิรูปกิจการตำรวจไม่ได้ ก็จะทำให้ไม่มีความเชื่อถือต่อการปฏิรูปประเทศ ส่งผลให้การปฏิรูปล้มเหลวตามไปด้วย ทั้งนี้เห็นว่าการจะแก้ปัญหาหาการซื้อขายตำแหน่งก็ควรสร้างระบบการคุ้มครองพยานเพื่อเอื้อให้ตำรวจชั้นผู้น้อยกล้าที่จะเข้ามาเปิดเผยความจริง เพราะการให้สินบนถือว่าผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ ดังนั้น การกันเป็นพยานสำหรับตำรวจที่หลงผิดให้มาเปิดเผยข้อมูลการทุจริตจึงถือว่ามีความเหมาะสม และหากประชาชนหรือตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม อยากกลับใจมาแจ้งข้อมูล และเบาะแสให้กับ สปท.ได้ โดยตนพร้อมที่จะเป็นตัวกลางนำเรื่องถึงนายกรัฐมนตรีที่ประกาศว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดต่อไป