xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.พล.ม.2 รอ.อบรม จนท.สังเกตระเบิด-มือป่วน ชี้เป้าคือ ปชช.-แจกเบอร์สายตรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.พล.ม. 2 รอ. (แฟ้มภาพ)
“บิ๊กแก้ว” จัดอบรมเจ้าหน้าที่ สังเกตวัตถุระเบิด-ลักษณะผู้ก่อเหตุใน 14 เขตเสี่ยง กทม. ชี้คนร้ายพุ่งเป้าทำร้ายประชาชน เข้มดูแล พร้อมแจกเบอร์โทร.สายตรงติดต่อได้ทันที

วันนี้ (9 มิ.ย.) เวลา 09.00 น. ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ จัดอบรมมาตรการรักษาความปลอดภัยพื้นที่เสี่ยง 14 เขต ของ พล.ม.2 รอ. ให้แก่กำลังพล เจ้าพนักงาน และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องวัตถุระเบิด ระเบิดแสวงเครื่อง การจดจำตำหนิรูปพรรณสัณฐานผู้ต้องสงสัย รวมถึงการจัดตั้งและขยายผลจากแหล่งข่าวประชาชน ภายหลังเกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่างๆ โดยรอบ จนเกิดอันตรายต่อประชาชนและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก โดยมีวิทยากรมาให้ความรู้ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่อีโอดี จากกรมสรรพาวุธทหารบก กรมข่าวทหารบก สำนักงานตํารวจแห่งชาติ (สตช.)

พล.ต.เฉลิมพลกล่าวเปิดการอบรมว่า เพื่อเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.)ให้เสริมสร้างความมั่นคงกับทุกภาคส่วนซึ่งทุกภาคส่วนต้องตระหนักถึงผลกระทบจากภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติทุกคนคงได้รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา การอบรมครั้งนี้เพื่อให้พวกเรามีความรู้ตามลักษณะของการก่อเหตุ มีองค์ความรู้ในลักษณะเดียวกัน เพื่อหาคำให้การประสานงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อการปฏิบัติพวกเราในฐานะที่รับผิดชอบในพื้นที่ ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ สถานประกอบการ กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เป็นผู้ดูแลหลักในเรื่องของการดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน

พล.ต.เฉลิมพลกล่าวต่อว่า ในส่วนของกองกำลังรักษาความสงบ (กกล.รส.) ช่วยไปดูแลในพื้นที่และประสานงานเพื่อเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ได้เน้นย้ำในการดำเนินการ 2 ประการคือ ให้อบรมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและขยายผลเพิ่มเติม และกล้องวงจรปิดหรือกล้อง CCTV จะช่วยติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ในกรณีที่เราไม่สามารถป้องกันเหตุได้

พล.ต.เฉลิมพลกล่าวต่อว่า อยากให้ทุกคนเรียนรู้จากลักษณะที่เขาก่อเหตุ ที่ต้องการก่อเหตุกับบุคคลทั่วไปคือประชาชนผู้บริสุทธิ์ ประเด็นนี้ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ต้องขยายวงออกไปอีก เพราะถ้าไปกระทำ กับส่วนที่เป็นความรับผิดชอบแต่ละส่วน เจ้าหน้าที่ก็สามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งตรงพื้นที่สำคัญนั้นได้ เช่น โรงไฟฟ้า สถานที่เก็บน้ำมัน ซึ่งก็มักก่อวินาศกรรมกันตรงพื้นที่เหล่านั้น โดยพื้นที่เหล่านั้นก็จะมีความเข้มแข็ง มีระบบพร้อมระวังป้องกันอยู่แล้ว

“จากเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เขาทำกับพื้นที่ที่อ่อนแอต่อการรักษาความปลอดภัย และทำต่อประชาชนทุกคน ไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่หรือพื้นที่ที่ล่อแหลม แต่เริ่มขยายวงกว้างขึ้น ถือเป็นเรื่องที่เราต้องดูแลประชาชน ในขณะเดียวกันต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้มีส่วนร่วม เพราะมีคนมาทำร้ายสังคม มีมนุษย์ที่มันยังคิดแบบนี้อยู่ เป็นการทำร้ายสังคมที่รุนแรง ส่งผลต่อการบาดเจ็บ เสียชีวิต กระทบต่อความเชื่อมั่นต่างๆ การท่องเที่ยว การเดินทาง หลายๆ เรื่อง” พล.ต.เฉลิมพลกล่าว

พล.ต.เฉลิมพลกล่าวอีกว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยแบ่งเป็นการดูแลพื้นที่ ต้องไปทบทวนว่าในพื้นที่เราสามารถรักษาความปลอดภัยได้หรือไม่ มีทางเข้าออกกี่ช่องทาง มีกล้องวงจรปิด หรือเจ้าหน้าที่คัดกรองเพียงพอหรือไม่ และในส่วนของบุคคลต้องมีทักษะในการสังเกตว่าลักษณะคนที่มาใช้บริการกับคนที่จ้องก่อเหตุมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร

“ยืนยันว่าคนก่อเหตุต้องมาดูสถานที่ หรือเรียกว่าเคสซิ่ง ไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง จะไม่มาแล้วก่อเหตุทันที ยกเว้นเขาต้องมีข้อมูลจากภายในสถานที่ก่อเหตุก่อน ว่าตรงไหนเป็นอะไร และมีทีมงานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อช่วยดูให้ปลอดคน แล้วดำเนินการก่อเหตุ ในกรณีที่มีคนในรู้เห็นเป็นใจ โดยทั่วไปแล้วเขาจะมาอยู่ในพื้นที่ รอให้มั่นใจว่าหลังก่อเหตุแล้ว ตัวเขามั่นใจว่าปลอดภัยถึงจะดำเนินการ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติในพื้นที่ปัจจุบันมีทหารลงไปร่วมปฏิบัติ หากมีอะไรขอให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ทหาร เราพร้อมดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความปลอดภัยแก่ประชาชน และหากมีอะไรสามารถโทร.ติดต่อประสานงานกับผมโดยตรงได้” พล.ต.เฉลิมพลกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น