xs
xsm
sm
md
lg

มท.การันตี “มูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพฯ” แก้ 3 ข้อบังคับ ขอกู้ “สถาบันการเงิน” 2.5 พันล้าน ผุดหอคอยสูงสุดในอาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ฝ่าย กม.มหาดไทย การันตี “มูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร” แก้ 3 ข้อบังคับ ขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน 2,500 ล้านบาท หลังแบงก์ไทยพาณิชย์ทำหนังสือถามกรมการปกครอง พบการกู้ยืมเงินเชิงพาณิชย์ ขัดต่อการจัดตั้งมูลนิธิที่เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร การให้สินเชื่อ รวมทั้งการทำนิติกรรมจำนองและการก่อหลักประกันใดๆ ของมูลนิธิ หวั่นมีผลผูกพันมูลนิธิตามกฎหมาย

วันนี้ (8 มิ.ย.) มีรายงานจากกระทรวงหาดไทยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมการปกครอง ในฐานะนายทะเบียนการขอจัดตั้งมูลนิธิ เพื่อขอรับทราบข้อเท็จจริง โดยแจ้งว่า “มูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร” ได้ติดต่อกู้ยืมเงินเพื่อนำเงินมาดำเนินการก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร แต่จากการตรวจสอบข้อบังคับแล้วพบว่า วัตถุประสงค์ของมูลนิธิไม่ได้ระบุให้มูลนิธิขอสินเชื่อหรือก่อหลักประกันใดๆ ธนาคารจึงเกรงว่าการทำนิติกรรมกู้ยืมเงิน ตลอดจนการจำนองและการก่อหลักประกันใดๆ จะเป็นการดำเนินการนอกขอบเขตวัตถุประสงค์ของมูลนิธิและไม่มีผลผูกพันมูลนิธิตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ระบุคำถามถึงกรมการปกครองว่า หลังจากได้พิจารณาร่างแก้ไขข้อบังคับแล้ว เห็นว่า การกู้ยืมเงินเป็นการดำเนินการในเชิงพาณิชย์ซึ่งขัดต่อการจัดตั้งมูลนิธิที่เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร การให้สินเชื่อ รวมทั้งการทำนิติกรรมจำนองและการก่อหลักประกันใด ๆของมูลนิธิดังกล่าว จะมีผลผูกพันมูลนิธิตามกฎหมายหรือไม่

“จากข้อกฎหมายดังกล่าว มูลนิธิจะขอเปลี่ยนแปลงข้อบังคับเพื่อให้สามารถกู้เงินได้ ประกอบด้วย ร่างข้อบังคับ ข้อ 4.6 เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมเงินบริจาค หรือรับความช่วยเหลือจากสถาบันหรือโครงการต่างๆ เพื่อการก่อสร้างและบริหารหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร และร่างข้อบังคับ ข้อ 13.1 คณะกรรมการมูลนิธิ มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการกิจการของมูลนิธิให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิและภายใต้ข้อบังคับนี้ ให้มีอำนาจหน้าที่ ควบคุมและพิจารณาให้ความเห็นชอบในการกู้ยืมเงิน และขอหลักประกันใดๆ จากสถาบันการเงิน หรือบุคคลอื่น โดยมีคณะกรรมการให้ความเห็นชอบและมีมติของที่ประชุมไม่น้อยกว่าสองในสามขณะกรรมการทั้งหมด และร่างข้อบังคับ ข้อ 14.3 ประธานกรรมการมูลนิธิทีอำนาจหน้าที่ เป็นผู้แทนของมูลนิธิในการติดต่อกับบุคคลภายนอก และในการทำนิติกรรมใดๆ ของมูลนิธิ หรือการลงลายมือชื่อในเอกสาร ข้อบังคับ สัญญากู้ยืมเงิน และสรรพหนังสืออันเป็นหลักฐานของมูลนิธิในการอรรถคดีนั้น ทั้งนี้ประธานกรรมการมูลนิธิอายจมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้ใดผู้หนึ่งกระทำการแทน”

ต่อมากรมการปกครอง ทำหนังสือถึงคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ 1 ระบุว่า มูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2557 มีวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นเอกลักษณ์ของกรุงเทพฯ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ โดยการก่อสร้างเป็นอาคารสูงซึ่งมีความสูงที่สุดในประเทศกลุ่มอาเซียน

“เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ จึงต้องมีการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินมาใช้ดำเนินการ มูลนิธิฯได้ยกร่างขอแก้ไขข้อบังคับเพื่อให้มูลนิธิ มีความสามารถและมีผลผูกพันตากฎหมาย ตามสัญญากู้เงิน และสถาบันการเงินได้พิจารณาแล้ว”

มีรายงานว่า ก่อนหน้านั้นกรมการปกครองเห็นว่า กรณีมูลนิธิขอเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมเงินบริจาค หรือขอความช่วยเหลือจากสถาบันหรือโครงการต่างๆ นั้น สามารถดำเนินการได้ ถือเป็นการแก้ไขวัตถุประสงค์ที่มีความใกล้ชิดกับวัตถุประสงค์เดิม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 126

ส่วนอีก 2 ร่างที่เสนอมานั้น กรมการปกครองเห็นว่าเนื่องจากการที่มูลนิธิประสงค์จะขอกู้ยืมเงินเพื่อนำไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์ โดนกำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจลงนาในสัญญากู้ยืมเงินเพื่อให้มีผลผูกพันกับมูลนิธิ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการดำเนินการจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิอันเป็นกรณีที่มิได้มีแนวทางปฏิบัติมาก่อน

ขณะที่ คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ 1 พิจารณาว่า ตามเงื่อนไขที่มาตรา 115 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อนายทะเบียนได้รับคำขอและเห็นว่าข้อบังคับของมูลนิธิหากแก้ไขแล้วต้องมีรายการครบทั้ง 6 รายการ ประกอบด้วย ชื่อ วัตถุประสงค์ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่และสาขา ทรัพย์สินขณะจัดตั้ง ข้อกำหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการ และข้อกำหนดในการจัดการ

“ตามมาตรา 110 กำหนดเพื่อการกุศลสาธารณะ การศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา หรือเพื่อสาธารณะประโยชน์อย่างอื่นโดยมิได้มุ่งหาประโยชน์มาแบ่งปันกัน และในการจัดการทรัพย์ของมูลนิธิ ต้องมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลใดนอกจากดำเนินตามวัตถุประสงค์ ต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี ไม่เป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ และเมื่อผู้เป็นกรรมการ มีฐานะและความประพฤติเหมาะสมในการดำเนินตามวัตถุประสงค์ โดยนายทะเบียนต้องพิจารณาตามเงื่อนไขที่มาตรา 115 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนด”

สำหรับ “โครงการก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร” ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ให้ใช้ที่ดินราชพัสดุของกรมธนารักษ์ จัดสร้าง และ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2559 ได้อนุมัติให้ดำเนินโครงการก่อสร้าง บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลข กท.3275 เขตคลองสาน กรุงเทพฯ โดยพื้นที่โครงการนี้จะตั้งอยู่ในซอยเจริญนคร 7 ถนนเจริญนคร

สำหรับ “มูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร” เป็นองค์กรเอกชน มีนายพนัส สิมะเสถียร เป็นประธานมูลนิธิ ได้ประเมินงบลงทุนไว้ที่ 4,422.96 ล้านบาท เป็นเงินตั้งต้นของมูลนิธิ 5 แสนบาท เงินกู้จากสถาบันการเงิน 2,500 ล้านบาท เงินบริจาคจากบริษัทเอกชนชั้นนำ 2,100 ล้านบาท ซึ่งประมาณการรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชม 1,054 ล้านบาท/ปี ประมาณการราคาตั๋วที่ 750 บาท/คน คนไทยลด 50% มีค่าใช้จ่ายปีละ 892 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยปีละ 38 ล้านบาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายนำไปบริจาคองค์กรสาธารณกุศล
กำลังโหลดความคิดเห็น