“สมชัย” แจงปม กกต.ตั้ง คกก.สอบปมถอนถอน 9 รมต.ไม่ได้เอาคืนเพราะถูกเซตซีโร่ แค่ทำตามหน้าที่ ไม่มีเร่งรัด คาดไม่เกิน 3 เดือนรู้ผลส่งศาล รธน.หรือไม่ เผย กกต.นัดประชุมร่วมคณะที่ปรึกษา กม.อังคารหน้า มีคำตอบตีกลับขัด รธน. ต้องตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ หรือไม่
วันนี้ (7 มิ.ย.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวชี้แจงกรณี กกต.ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนคำร้อง 9 รัฐมนตรีกระทำการเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งว่า รู้สึกไม่สบายใจต่อข่าวที่ออกไป เพราะไม่ใช่เรื่องของการเอาคืนรัฐบาลเพราะ กมธ.วิสามัญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาร่าง พ.ร.ป.กกต.มีมติให้เซตซีโร่ กกต. แต่เป็นเรื่องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้มายื่นเรื่องร้องต่อ กกต.ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมาว่ามีรัฐมนตรี 9 คนเข้าข่ายที่ถูกถอดถอน เช่น มีบางคนถือหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชน หรือถือหุ้นในกิจการที่รัฐให้สัมปทานหรือประกอบกิจการกับรัฐ หรือถือหุ้นในบริษัทเอกชนโดยยังไม่มีการโอนหุ้นให้ผู้อื่น หรือแม้กระทั่งสถานะการเป็นลูกจ้างของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเมื่อยื่นเรื่องมา กกต.ก็มอบหมายให้สำนักกฎหมายไปพิจารณาเบื้องต้นว่าคำร้องมีมูลพอจะรับไว้พิจารณาได้หรือไม่ และใช้เวลาประมาณสามสัปดาห์ในการศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดในคำร้อง ก่อนที่จะเสนอบรรจุเข้าวาระการประชุม กกต.ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. แต่ในวันดังกล่าว กกต.อยู่ไม่ครบ 5 คน และเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ กกต.ควรอยู่กันให้ครบ จึงมีการเลื่อนพิจารณาไปในการประชุมครั้งถัดไป คือวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งก็มีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นการทำตามบทบาทหน้าที่ เมื่อมีคนยื่นมาและมีมูลก็ต้องตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีการตั้งกรรมการ 9 คนจากผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมาย รอการลงนามคำสั่งแต่งตั้งของประธาน กกต. ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนต้องทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับจากวันที่มีคำสั่งแต่งตั้ง แต่สามารถขอขายเวลาการทำงานได้ครั้งละ 30 วัน จากนั้นเสนอเรื่องพร้อมความเห็นมายัง กกต.ว่าสามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ คาดว่าอีกประมาณ 2-3 เดือนจากนี้ กกต.ก็จะมีการลงมติว่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนหรือไม่ โดยต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริง แม้ว่าผมจะพอรู้ว่าเรื่องราวใดน่าจะเข้าข่าย แต่ไม่สามารถพูดล่วงหน้าได้ ขอให้เป็นหน้าที่ของกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่จะสรุปส่งมายัง กกต. ดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ได้มีการเร่งรัดแต่เป็นไปตามระบบ แต่จะจบภายใน กกต.ชุดนี้หรือไม่นั้นยังบอกไม่ได้ แต่เท่าที่คาดการณ์แล้วคิดว่ากระบวนการคัดเลือก กกต.ชุดใหม่น่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 เดือน กกต.ก็ต้องทำตามหน้าที่ เพราะถ้าไม่ทำก็จะเกิดปัญหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”
ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.ป.กกต.ว่ามีประเด็นใดขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น นายสมชัยกล่าวว่า ต้องรอดูร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของ สนช.ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ก่อนว่ามีประเด็นใดที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญบ้าง โดยเรื่องคุณสมบัติ กกต.ไม่ใช่เรื่องหลัก แต่จะดูทุกเรื่องหากมีประเด็นใดขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญก็ต้องส่งเรื่องกลับไปให้ สนช.รับทราบภายใน 10 วันหลังจากที่ได้รับร่างจาก สนช. เพื่อให้ทราบถึงปัญหาเพื่อให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นมาพิจารณาร่วมกัน แต่ไม่มีการตั้งธงล่วงหน้า จึงยังไม่สามารถบอกว่าจะใช้สิทธิหรือไม่ เพราะถ้ากฎหมายมาดีไม่มีปัญหาก็ไม่มีการโต้แย้ง แต่ถ้ามีปัญหาก็จะส่งเรื่องกลับไปที่ สนช. โดยในวันอังคารที่ 13 มิ.ย.จะมีการประชุมร่วมระหว่าง กกต.กับคณะที่ปรึกษากฎหมายในเรื่องดังกล่าวเป็นการเฉพาะ และน่าจะมีคำตอบต่อสื่อมวลชน