นายกฯ แจงทำทุกวิธีแล้วช่วงปีใหม่แต่อุบัติเหตุคงมีอยู่ แนะถามคนที่เป็น รบ.แก้อย่างไร แย้ม 3 เดือนเข้มเอาผิดทุกคดีก่อนสงกรานต์ ชี้ต้องการความปลอดภัยต้องร่วมมือ ลั่นรับไม่ได้มีคนตาย จี้รถตู้ต้องอยู่ในกรอบกติกา ป้ายต้องถูกตาม กม. พร้อมปรับใช้ NGV ตรวจเข้มที่นั่ง เล็งถอด กม.ตปท.มาดู กร้าวถ้าไม่ทำตามมาตรการมีเรื่องแน่
วันนี้ (4 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงสถิติตัวเลขอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ยังสูงอยู่ว่า เรื่องของการจราจรให้ไปถามความคิดของคนที่จะมาเป็นรัฐบาลต่อไปว่าจะแก้อย่างไร วันนี้อย่ามาถามตน แต่ถ้ามาถามตนจะตอบว่าได้ทำทุกวิถีทางแล้ว ไม่ว่าจะใช้มาตรา 44 การยึดรถ การจับกุม ทำหมดแล้ว แต่ก็ยังมีตายอยู่ หลักการง่ายๆ ถ้ามีกิจกรรมก็จะมีผลอย่างนี้เกิดขึ้น คนใช้รถมาก น้ำมันถูก ถนนดีขึ้น รถก็วิ่งเร็วมากขึ้น ขณะที่สังคมคนยังดื่มสุราขับรถอยู่เหมือนเดิม แล้วจะมีกฎหมายไหนที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ นอกจากจิตใจการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกคน ท่านมาถามจะแก้อย่างไร การประชุม ครม.พูดคุยเรื่องนี้กันยาวพอสมควร
“ผมมีวิธีเดียวคือ จากนี้เป็นต้นไป ภายใน 3 เดือนจะดำเนินคดีทุกอย่างไม่ว่าจะเกี่ยวกับรถ คนขับ รถไม่ได้มาตรฐาน รถตู้ที่บรรทุกเกินที่นั่งจำนวนที่กำหนด เบียดเสียดยัดเยียดบนรถประจำทางทั้งหมด รถโดยสารประจำทางทั้งหมดที่ให้บริการจะต้องมีสมุดประจำรถ ลงชื่อคนขับ เวลาขับ ทุกเส้นทาง โดยด่านตรวจทุกด่านจะต้องตรวจทั้งหมด ถ้าขับเกินเวลาต้องยึดรถ เอาคนลง แล้วหารถใหม่ คนขับใหม่ ผมจะใช้มาตรการนี้เข้มงวดใน 3 เดือน ก่อนถึงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ครั้งต่อไป อย่าโวยวาย ถ้าใครวิ่งไม่ได้ เดี๋ยวผมหารถมาวิ่งเอง รถพวกนี้เป็นรถร่วมบริการทั้งสิ้น ถ้าทุกคนต้องการความปลอดภัย ต้องร่วมมือกับผม ถ้าไม่อยากให้มีการตายมาก เพราะวันนี้ทำเต็มที่แล้ว มีด่านมากกว่าปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่มากกว่าปีที่แล้ว ยึดรถเป็นหมื่น แล้วต้องมาดูแลรักษารถอีก แล้วยังบาดเจ็บสูญเสียอีก” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ไปดูรถตู้ให้บรรทุกเท่าไหร่ตามกฎหมายกำหนด ต้องมีสายรัดนิรภัย และต้องดูว่าคาดหรือไม่ ส่วนรถกระบะใช้บรรทุกของก็ไปนั่งท้ายกันเป็นสิบคน วิธีทางแก้ต้องมีมาตรการในเชิงป้องกัน และต้องแก้ปัญหาในระยะยาว แต่วันนี้จะแก้ปัญหาระยะสั้นก่อน บอกไปเท่าไหร่ก็แก้ไม่ได้ แก้ปัญหาด้วยมาตรา 44 ก็ยังแก้ไม่ได้ ดังนั้นจะมีอะไรมากไปกว่าต้องบังคับใช้กฎหมายก่อนที่จะมากกว่าไปนี้
“เพราะผมรับไม่ได้ ตาย 1 คน ผมก็รับไม่ได้ คนบาดเจ็บ สูญเสียคือใคร พ่อแม่ ครอบครัว ลูกเมีย อนาคตหายไปทั้งหมด ความหวังของครอบครัวหมดไปทั้งสิ้น เหล่านี้ทุกคนต้องช่วยผม อย่ามากดดันรัฐบาลว่าต้องทำอะไร เพราะมันทำหมดแล้ว นีคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทั้งสิ้น”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องของการใช้รถตู้เหมือนกัน รถตู้ต้องอยู่ในกรอบกติกา รถตู้ป้ายเหลืองไม่ใช่ปล่อยปะละเลย ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลทำไมปล่อยให้มีรถตู้ผิดกฎหมายวิ่งอยู่ ก็เอาเขามาขึ้นทะเบียนให้เรียบร้อย เป็นป้ายเหลืองไปก่อนในช่วงจัดระเบียบ วันหน้าต้องเป็นป้ายรถขนส่งทั้งหมด ถูกต้องตามกฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การใช้เชื้อเพลิงก็ไม่ให้ความร่วมมือ ใช้แก๊สแอลพีจีซึ่งเป็นแก๊สหุงต้มมาใช้ในการขนส่ง พอเกิดอะไรขึ้นมารัฐบาลต้องรับผิดชอบอีก ฉะนั้น ต้องหามาตรการเปลี่ยนใช้แก๊สเอ็นจีวี ส่วนต้องเปลี่ยนภายในระยะเวลาเท่าไหร่จะหามาตรการมา ต่อไปนี้จะตรวจที่นั่งในรถตู้ ดูว่าจะออกมาเดินขบวนกันอีกไหม ไม่อย่างนั้นมันก็จะเจ็บตายกันอยู่แบบนี้ และเดี๋ยวตนจะให้ถอดตัวกฎหมายต่างประเทศให้ดูว่า เขาห้ามอะไรบ้าง ใบขับขี่ทำอย่างไร แต่ของเราแตะอะไรไม่ได้เลย บอกละเมิดสิทธิมนุษย์ แล้วอย่างนี้จะมาเอาอะไรกับตน บอกกฎหมายทุกอันละเมิดสิทธิมนุษยชนหมด เราปล่อยให้ตายไม่ได้แล้ว เพียงแต่เรื่องของระบบขนส่งที่ผ่านมา ทั้งส่วนของรถไฟ รถเมล์ ขสมก.เคยได้รับการปรับปรุงหรือไม่ จึงต้องมีรถตู้มาเสริม แต่ก็ดันไม่ปลอดภัย มันเป็นทั้งระบบ ตนไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ
นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนไม่ได้อยู่ในเรื่องของระเบียบมาแต่แรก รัฐบาลปฏิรูปมาตลอดเวลา แต่ทำไม่ได้หรอก ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือ กฎหมายมีทุกตัว ต่อไปนี้พลขับโดนหมด บริษัทขนส่ง ผู้ประกอบการต้องไปดูแลเรื่องประกันรถ ต่อไปนี้หากรถไหนไม่พร้อมไม่ให้ออกจากท่า เราห้ามอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ช่วยกันมันก็ลำบาก มันก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ อับอายเขา เพราะสูญเสียเยอะทั้งคน และงบประมาณมากมาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งหมดคือเรื่องของการปฏิรูปที่ต้องทำแบบนี้ ปล่อยมาสมควรแล้ว ด้วยกระแสต่อต้าน กระแสไม่เห็นด้วยเยอะแยะ และความสูญเสียที่เกิดขึ้นใครรับผิดชอบ ถามกันทุกปีมาตรการ ระเบียบมาตรฐานความปลอดภัย ทำแล้วกัน ถ้าไม่ทำมีเรื่องแน่ ตนจะเข้มงวดแล้ว