คสช.ประชุมเตรียมความพร้อมดูแลประชาชนช่วงปีใหม่ ส่งทหารร่วมจุดอำนวยความสะดวก ตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” พร้อมสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยได้มีการสรุปผลการปฏิบัติงานในสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น การสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย ยึดยาบ้าได้ 929,347 เม็ด, ไอซ์ 10.25 กิโลกรัม, กัญชา 4.25 กิโลกรัม, กระท่อม 12 กิโลกรัม, ไม้มีค่า 481 ท่อน 1,074 แผ่น, อาวุธปืน 27 กระบอก การจัดระเบียบสังคม 1,082 ครั้ง สนับสนุนการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมให้ปฏิบัติตามกฎหมาย 173 ครั้ง และตั้งจุดตรวจรถบรรทุกไม่ให้บรรทุกเกิน 81 ครั้ง
เข้าช่วยรับซื้อข้าวจากเกษตรกร 2.1 ล้านกิโลกรัม ช่วยสีข้าว 20,900 กิโลกรัม และช่วยเกี่ยวข้าว 20,113 กิโลกรัม รวมทั้งได้มอบเครื่องกันหนาวให้กับประชาชนทั่วประเทศไปแล้ว 120,000 ผืน ซึ่งงานที่เกี่ยวเนื่องกับการรักษาความสงบเรียบร้อย บังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องปรามการกระทำผิด รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชนและขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลจะยังคงสานต่อให้เกิดประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง
การประชุมในวันนี้ รองเลขาธิการ คสช.ได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในทุกมิติเพื่อดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันดำเนินการในหลายลักษณะ โดยในส่วนของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยได้ตั้งจุดอำนวยความสะดวกร่วมกับ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร ในเส้นทางสายหลักและสายรอง ตามมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” 29 ธันวาคม 2559 - 4 มกราคม 2560 การสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ในจังหวัดต่างๆ ทั้งกิจกรรมเคาท์ดาวน์ กิจกรรมสวดมนต์ กิจกรรมบำเพ็ญสาธารณะกุศล โดยรองเลขาธิการ คสช.กำชับให้เข้มงวดในมาตรการดูแลความปลอดภัยสาธารณะ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประชาชนมาร่วมกิจกรรมและเฉลิมฉลองเป็นจำนวนมาก ให้มีการประสานกับผู้จัดงานถึงความพร้อมในการดูแลประชาชนทั้งเรื่องการรักษาความปลอดภัย เครื่องมือบรรเทาภัย อุปกรณ์ในการอำนวยความสะดวก การกำหนดเส้นทางเข้าออกงานให้มีความเหมาะสมกับผู้ที่มาร่วมกิจกรรม การติดตั้งกล้องวงจรปิด ขอความร่วมมือในการงดจุดพลุหรือดอกไม้ไฟ เป็นต้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนสามารถดูแลและบริการประชาชนได้อย่างเต็มที่
พล.อ.พิสิทธิ์ยังได้กำชับในเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณะซึ่งปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ใช้ช่องทางการรับรู้ข้อมูลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีทั้งข่าวสารที่เป็นไปตามธรรมชาติและข่าวสารที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามเพื่อให้การบริการข้อมูลข่าวสารของภาครัฐไปสู่ประชาชนเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ขอให้ทุกส่วนได้กำกับดูแลในเรื่องการใช้งานระบบสารสนเทศ ขององค์กร รวมทั้งประสานความร่วมมือกับส่วนราชการต่างๆ หรือองค์กรที่มีความชำนาญโดยเฉพาะ เพื่อร่วมกันดูแลข้อมูลและระบบสารสนเทศให้สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง