รัฐบาลสั่งกรมคุ้มครองสิทธิฯ เจ้าหน้าที่กองบทุนยุติธรรม ลงพื้นที่ช่วยเหลือสองผู้เฒ่าตัดไม้พะยูงที่ล้มในที่นาตัวเอง นายกฯ สั่งกระทรวงยุติธรรมใช้เป็นกรณีศึกษา ให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิที่พึงได้ตามกฎหมายของประชาน และกระบวนการตาม พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกฯ
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่นายทองสุก พันชมพู อายุ 80 ปี และนายเดิน จันทกล อายุ 70 ปี ชาว จ.มหาสารคาม ที่ถูกจับในข้อหาลักลอบตัดไม้พะยูงในที่นาของตนเองว่า ล่าสุดผู้แทนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่กองทุนยุติธรรมได้เดินทางไปพบกับบุคคลทั้งสองแล้ว และกองทุนยุติธรรมจะช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินคดีตั้งแต่ค่าปล่อยตัวชั่วคราว และค่าจ้างทนายความในการต่อสู้คดี
“เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาที่นายกฯ กำชับให้หน่วยงานของรัฐต้องเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิที่ประชาชนพึงได้รับตามกฎหมายในการดำเนินคดีต่างๆ โดยเฉพาะประโยชน์จากกองทุนยุติธรรม และกระบวนการตาม พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ซึ่งถือเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่ต้องการสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม โดยได้สั่งการให้กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) รับไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรมและเห็นผลอย่างชัดเจนต่อไป”
พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า กระทรวงยุติธรรมได้พิจารณาจัดหาทนายความไปร่วมรับฟังการให้ปากคำในชั้นพนักงานสอบสวน ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134/1 ซึ่งรัฐมีหน้าที่จัดหาทนายความให้ พร้อมช่วยดูแลว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างถูกต้องหรือไม่ในระหว่างที่ทั้ง 2 คนถูกจับกุมอยู่ รวมทั้งสำนักงานยุติธรรมจังหวัดมหาสารคามจะพิจารณาใช้หลักทรัพย์ของรัฐเป็นเงินประกันคนละ 80,000 บาท ในชั้นศาลอีกด้วย ทั้งนี้ การจะสั่งฟ้องหรือศาลจะตัดสินคดีอย่างไรนั้นย่อมเป็นตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ ซึ่งตามหลักของกฎหมายอาญาจะพิจารณาทั้งการกระทำและเจตนาเป็นสำคัญ