xs
xsm
sm
md
lg

“ยะใส” สรุปการเมือง 59 ความขัดแย้งซ่อนรูป แนะจับตากระแสอำนาจนิยมทางสากล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (แฟ้มภาพ)
“สุริยะใส” มองภูมิทัศน์การเมืองปี 59 ความขัดแย้งซ่อนรูป กลุ่มขั้วพักรบ สะสมกำลัง ปฏิรูปเริ่มอืด แรงส่งสะดุด แนะจับตาการกลับมาของกระแสอำนาจนิยมในทางสากล เขื่อ ปี 60 ภูมิทัศน์การเมืองไทยเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านเต็มรูป

วันนี้ (25 ธ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) แสดงความเห็นว่า ในรอบปีที่ผ่านมา สถานการณ์การเมืองไทยยังไม่กลับสู่สภาวะปกติ ความขัดแย้งแตกแยกที่เป็นเงื่อนไขสำคัญของการรัฐประหารแค่ซ่อนรูป ยังไม่คลี่คลายเท่าที่ควร กลุ่มขั้วการเมืองแค่เว้นวรรค พักรบ หลบฉาก จัดทัพสะสม กำลังรอโอกาสเคลื่อนไหว ในขณะที่โรดแมปปรองดองของ คสช. ก็ถูกพักเก็บเข้าลิ้นชัก โยนทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ทั้งที่งานปรองดองมีหลายมิติ และซับซ้อนกว่าคดีความ ภูมิทัศน์การเมืองของชนชั้นกลาง แม้จะมีความพึงพอใจกับการแก้ปัญหาความมั่นคง และเสถียรภาพทางการเมือง จนเป็นแรงหนุนอันสำคัญของ คสช. ในการทำรัฐประหาร 22 พฤษภาคม แต่ก็เริ่มอึดอัดกับปัญหาเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ต่อเนื่องไปถึงปัญหาปากท้องประชาชนคนระดับล่าง และข่าวคราวทุจริตคอร์รัปชันในแวงวงราชการ หรือคนวงในอำนาจ

นายสุริยะใส เผยต่อว่า ในขณะที่การเมืองของภาคชาวบ้าน หรือประชาสังคม เกิดความขัดแย้งใหม่ในหลายพื้นที่จากยุทธศาสตร์เขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลที่ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน สวนทางกับนโยบายประชารัฐที่เป็นวาระแห่งชาติ เน้นความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน ซึ่งเป็นหลักการที่ดีก็ตาม แต่พื้นที่ประชารัฐยังเข้าไม่ถึงอำนาจในการกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาประเทศได้จริง ในส่วนของการปฏิรูปประเทศเริ่มอืด โดยเฉพาะส่วนของโรดแมปรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกนั้น แม้มีกระบวนการที่แน่นอนที่สุด แต่หลังประชามติ 7 สิงหาคม แรงส่งของการปฏิรูปกลับลดน้อยถอยลง ส่งผลให้การตรากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกระบวการที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งทิศทางของแม่น้ำ 5 สาย ขาดความคึกคักและอ่อนพลังจนไม่เห็นทิศทางที่ชัดเจนต่างคนต่างทำและจำกัดอยู่ในวงแคบ

นายสุริยะใส เผยอีกว่า นอกจากนี้ ภูมิทัศน์การเมืองในระดับโลกและภูมิภาค เข้าสู่กระแสการหวนกลับมาของอำนาจนิยม ทั้งชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ การแผ่ขยายอิทธิพลของประธานาธิบดี ปูติน และ สี เจิ้นผิง รวมทั้งเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ ที่ ดูเตอร์เต ได้รับชัยชนะแบบถล่มทลาย อาจเป็นแรงหนุนเนื่องให้อำนาจรัฐไทยเข้าสู่ลู่วิ่งของความเด็ดขาดแข็งแกร่งมากกว่าลู่วิ่งของเสรีนิยม ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิด แนวโน้มของการเมืองไทยปีหน้า จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าภูมิทัศน์การเมืองในทุกปริณฑลจะเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนผ่านอย่างเต็มรูป ความขัดแย้งวุ่นวายไร้ระเบียบ ทั้งในและนอกประเทศ ยังเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้


กำลังโหลดความคิดเห็น