“ประยุทธ์” มอบ รมต.สำนักนายกฯ เปิดงาน “๙ ตามพ่อ สานต่อพระราชปณิธาน” ยกพระราชจริยวัตรงดงามในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงทุ่มเทพระวรกายทรงงานหนักเพื่อคนไทย ขอทุกคนนำพาประเทศสู่ความสุขถวายพระองค์ และดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ตลอดไป
วันนี้ (4 ธ.ค.) เมื่อเวลา เวลา 14.30 น. ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมาย ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ๙ ตามพ่อ สานต่อพระราชปณิธาน พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “สานต่อพระราชปณิธานให้มีความยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า ในช่วงที่ตนยังเป็นเด็กได้จดจำภาพที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จพระราชดำเนินไปที่สยามเซ็นเตอร์ และได้ยินเสียงประชาชนพูดกันว่าสมเด็จย่า ด้วยความที่ตนยังเด็กจึงไม่ทราบว่าการกล่าวพระนามว่าสมเด็จย่านั้นมาจากอะไร ตนเห็นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงหยุดทักทายประชาชนตลอดเส้นทางโดยไม่ถือพระองค์ เป็นภาพที่สุดแสนงดงามและไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งที่ตนมีอายุมากขึ้น เมื่อครั้งได้มีโอกาสติดตามครอบครัวไปทำหน้าที่ข้าราชการที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บิดาของตนมีความภาคภูมิใจที่ได้มีโอกาสถวายงานรับใช้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี คราวเสด็จพระราชดำเนินที่ทำเนียบเอกอัครราชทูต และมีรับสั่งว่าอยู่กันเช่นใดก็ขอให้อยู่กันเช่นนั้น รับประทานอาหารเช่นใดก็ขอให้รับประทานอาหารเช่นนั้น ไม่ต้องปฏิบัติอะไรพิเศษเพื่อพระองค์ ให้จัดทุกอย่างเป็นปกติ ทั้งหมดทำให้ตนไม่มีข้อสงสัยแต่ประการใดว่าทำไม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงมีความงดงามด้วยพระราชจริยวัตรถึงเพียงนี้ เพราะพระองค์ทรงมีต้นแบบที่งดงามและตราตรึงในหัวใจของประชาชนมาจนถึงปัจจุบัน
“แม้พระองค์จะจากพวกเราเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว ถือเป็นเวลา 1 เดือนที่เราชาวไทยต้องปลอบโยนกันเป็นอย่างมาก เป็นเวลา 1 เดือนที่เราผ่านพ้นมาด้วยความยากลำบาก เป็นเรื่องที่เราต้องมาปรับความรู้สึกของเรา ให้กำลังใจกัน ที่จะนำพาครอบครัวของคนในชาติไปสู่ความอยู่รอดปลอดภัยให้ได้ในวันข้างหน้า” ม.ล.ปนัดดากล่าว
ม.ล.ปนัดดากล่าวต่อว่า ตลอด 70 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าพระองค์ทรงอุทิศทุ่มเทพระวรกาย พระวิริยภาพและทรงงานอย่างหนัก ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทรงมีความนอบน้อมถ่อมพระองค์ ซึ่งปฏิบัติให้เราได้เห็นเป็นแบบอย่าง ให้ประเทศชาติเกิดความเป็นปึกแผ่น ไม่เคยตรัสแม้แต่ครั้งเดียวว่าจะให้ประชาชนไปหวงแหน ไปดูแลรักษาพิทักษ์ปกป้องท่าน มีแต่จะทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่าขอให้ประชาชนมีความรักต่อกัน สามัคคีต่อกัน ซึ่งเป็นที่มาของคำสอนพระราชทานว่ารู้รักสามัคคี และเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เราทุกคนในวันนี้ต้องน้อมนำไปสู่การปฏิบัติใ้ห้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน
ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติในปี 2489 พระองค์ท่านและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้แสดงพระอัจฉริยภาพอย่างสูงในการทำให้ประเทศชาติแคล้วคลาดจากภัยอันตราย จากคำพูดในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าประเทศไทยแพ้สงครามเพราะเราไปเลือกเข้าข้างฝ่ายที่ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยพระราชอัจฉริยภาพทำให้นานาประเทศลืมว่าประเทศไทยอยู่ฝ่ายใดลงไปอย่างหมดสิ้น และทำให้นานาประเทศยอมรับประเทศไทยและชาวไทยว่ามีเกียรติอันสูงส่ง ตนอยากให้ทุกคนได้ไปเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาตามรอยพระองค์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อศึกษาถึงความสำเร็จที่พระองค์ทรงนำพาประเทศสู่ความยั่งยืนมาจนปัจจุบัน และจะเป็นความทรงจำที่งดงามที่ชาวไทยจะจดจำถึงพระกรุณาธิคุณที่พระองค์ได้พระราชทานไว้ตลอดแผ่นดินในหลวงรัชกาลที่ ๙ และเราต้องร่วมกันนำพาความร่มเย็นเป็นสุขสู่ประเทศชาติบ้านเมือง และเป็นแรงบันดาลใจกับประชาชนชาวไทยทุกคนตลอดไป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ และดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ตลอดไป