“ประยุทธ์” ประชุม หน.ส่วนราชการ หวังอนาคตทรัพยากรมนุษย์เข้มแข็ง ลดงบฯ รักษาพยาบาล บรรจุความมั่นคงสาธารณสุขในยุทธศาสตร์ชาติ แนะหันใช้สมุนไพรไทย ขออย่าโวยโอนค่ารักษา ขรก.เข้าประกันสังคม ยังไม่มีข้อยุติ ย้ำดูแลอย่างเท่าเทียมกัน-เป็นธรรมมากสุด แนะออกมาสู้คดีตาม กม. ขออย่ากดดันตำรวจ ให้กดดันคนทำผิดให้ออกมา ลั่นอย่าเอาคนหมู่มากมาต่อสู้คดีแบบนี้
วันนี้ (30 พ.ย.) เวลา 12.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2560 ว่าการเยี่ยมเยือนครั้งนี้ทุกอย่างยังคงเรียบร้อย และมาให้กำลังใจให้เกิดความริเริ่มสร้างสรรค์ สำหรับงานกระทรวงสาธารณสุขถือเป็นกระทรวงหลักของรัฐบาลและของประเทศนี้ ควบคู่ไปกับกระทรวงศึกษาธิการ เพราะเป็นการสร้างคนและรักษาคน วันนี้ต้องมองถึงอนาคต 20 ปีข้างหน้าว่าเราต้องมีทรัพยากรมนุษย์ที่เข้มแข็งอย่างไร ต้องย้อนไปดูตั้งแต่ปฐมวัย ทั้งหมดเรานำเรื่องความมั่นคงทางทรัพยากรมนุษย์และความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขบรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และจะทำแผนแม่บทที่ชัดเจนขึ้น ตนได้ย้ำในหลายประเด็นคือ ป้องกันดีกว่ารักษา ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งการดูแลผู้สูงวัยในอีก 5 ปีข้างหน้า ที่จะเหลือคนในวัยทำงานน้อยลง
ทั้งหมดต้องดูปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เหมือนกับเรื่องการศึกษา ดังนั้น ปัญหาการสาธารณสุขวันนี้มีทั้งเรื่องการใช้จ่าย ซึ่งต้องไปหาวิธีการลดในเชิงป้องกันในสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน รวมถึงการป้องกันโรคต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้นได้ จะทำให้ประเทศไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากไปอุดเรื่องการรักษาโรค พร้อมทั้งควรมีการสนับสนุนและพัฒนาเรื่องยาสมุนไพร มีช่องทางโซลเชียลมีเดียให้ประชาชนเข้าถึงสรรพคุณการใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคขั้นต้น และมีราคาไม่แพง อย่างตนยังรับประทานฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน
เมื่อถามว่า ความคืบหน้าการโอนค่ารักษาพยาบาลข้าราชการเข้าสู่ระบบประกันสังคม นายกฯ ตอบว่า กำลังดูอยู่เป็นการพิจารณาเฉยๆ ดูว่าถ้าทำแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลมากขึ้นทุกวัน งบประมาณที่มีอยู่ในปัจจุบันดูว่าอาจจะทำแบบเดิมหรือใครรับผิดชอบ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ อย่าเพิ่งไปตีโพยตีพายกัน วันนี้เอาแค่การรักษาพยาบาลที่มีอยู่แล้วในงบประมาณที่มีอยู่ให้ดีที่สุด คงจะพิจารณาต่อไปให้ได้ข้อยุติ อย่าเพิ่งไปหวาดระแวง ทั้งนี้ งบประมาณค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันไปลดไม่ได้ เพราะได้ให้ไปแล้ว แนวทางหลายอย่างเป็นการคิดเผื่อไว้ และถ้าตัวเลขค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น ก็ต้องมีแนวทางในการบริหารงบฯทำให้เพิ่มน้อยที่สุด ค่าใช้จ่ายในส่วนข้าราชการมันลดไม่ได้ แม้มีความต่างอยู่บ้างแต่ถือเป็นประชาชนเหมือนกัน
“ผมพูดหลายครั้งแล้วอย่าไปแบ่งแยกข้าราชการกับประชาชน เพราะเป็นคนไทยทั้งนั้น แต่มันต้องมีหน้าที่คนละแบบ คนละระเบียบกัน ซึ่งรัฐบาลจะทำให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด เช่นเดียวกันกับการดูแลผู้มีรายได้น้อย อย่ามาบอกอย่างไทยแลนด์ 4.0 ไม่ดูแลคนจน อย่าเอามาปนกัน เพราะนั้นเป็นการสร้างแหล่งน้ำเพื่อให้ตกปลาได้เยอะขึ้น ทุกคนต้องได้ปลาทั่วถึง ตกปลา และกินปลากันได้หมดทุกชนิด” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงปัญหาการดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า ต้องดูว่าเป็นคดีระหว่างใครกับใคร เพราะขณะนี้ดูเหมือนประชาชนทั้งประเทศและเจ้าหน้าที่จะถูกนำมาเป็นจำเลย ทั้งนี้ตนจะไม่ละเมิดใคร พระสงฆ์คือพระสงฆ์ แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย มีการถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่ไม่เข้าไปปฏิบัติ ขอชี้แจงว่าเมื่อเข้าไปแล้วมีแนวโน้มว่าจะเกิดการบาดเจ็บกระทบกระทั่ง ถามว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะเมื่อเกิดการสูญเสียมาแล้วใครจะรับผิดชอบหากไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องนี้ไม่ใช่ว่ากลัวหรืออะไรทั้งสิ้น แต่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ
“ถามว่าอยากให้เกิดไหม ถ้าอยากให้เกิดเดี๋ยวไปวันนี้ ให้เวลาเขาสิ ต้องไปกดดันคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่ากดดันเจ้าหน้าที่ จะให้ตีกันตั้งแต่เข้าประตู สังคมยอมรับได้หรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่ก็ต้องดูเวลาที่เหมาะสมว่าจะเข้าไปตอนไหน ท่านต้องไปไล่คนที่ทำความผิดให้ออกมาข้างนอก คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน ไม่เจ็บตัว มาสู้คดีก็จบแล้ว ไม่ใช่ใช้วิธีการเอาคนหมู่มากมาต่อสู้คดีแบบนี้ ที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่าการใช้คนเยอะๆ นั้นเกิดอะไรขึ้น มีบทเรียนอยู่แล้ว ถ้าบอกว่าทุกคนต้องปฏิบัติตามหน้าที่ แต่หน้าที่พลเมืองก็อย่าขัดขวางการดำเนินการ ที่พูดมาไม่ได้อารมณ์เสีย แต่หลายเรื่องมันมีปัญหาซึ่งก็กำลังแก้ไขอยู่ แต่ยังทำไม่ได้ทั้งหมด เพราะยังมีปัญหาเช่นนี้อยู่ และสื่อก็ต้องช่วย เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ขอให้ออกมามอบตัวต่อสู้คดี ผมต้องการแค่นี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว