กมธ.ปราบทุจริต สปท. เผยมาตรการล้อมคอกคอร์รัปชันหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน หลังปฏิรูปกลไกเข้มงวดสอดคล้องต่างประเทศ เน้นจัดซื้อจัดจ้างให้เกิดความโปร่งใส
วันนี้ (23 พ.ย.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นประธานในการชี้แจงถึงมาตรฐานใหม่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในยุคปฏิรูปประเทศ ต่อผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ว่าตลอดระยะเวลาการดำเนินงานด้านการปฏิรูปการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กมธ.ได้พิจารณากลไกในการป้องกันการทุจริตในด้านต่างๆ ให้เกิดความครบครอบถ้วนและชัดเจนในทุกมิติ เช่น การยกร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ... ที่จากเดิมเป็นเพียงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี โดยสาระสำคัญจะเป็นการตั้งมาตรฐานในการจัดซื้อจัดจ้างให้เกิดความโปร่งใสและชัดเจน
ขณะที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อนุกรรมาธิการ ได้กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ... ว่า พ.ร.บ.นี้มีความสอดคล้องตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.2003 เพื่อให้เกิดความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน อาทิ หน่วยงานภาครัฐจะต้องประกาศล่วงหน้า ถึงหลักเกณฑ์ในการตัดสิน และวินิจฉัยในการจัดซื้อจัดจ้างอย่างเปิดเผย และเป็นธรรม โดย พ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ทั้งภาคส่วนของรัฐและเอกชน เพื่อให้มีทิศทางเดียวกันในการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส
ด้าน พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ อนุกรรมาธิการ กล่าวถึง ร่าง พ.ร.บ.ด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. ... ว่า กฎหมายนี้จะเน้นบังคับใช้กับข้าราชการและหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากมีการบัญญัติข้อปฏิบัติในการทำงานของข้าราชการ ทั้งระเบียบอนุญาต และไม่อนุญาตการใช้ทรัพย์สินของราชการ หาก ป.ป.ช.พบการกระทำผิดของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีการสอบข้อเท็จจริงภายใน 90 วัน และให้ศาลปกครองสูงสุดเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัยโดยเร็วตามหลักความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม หลังจากการปฏิรูปประเทศ ประเทศไทยจะมีกลไกในการป้องกันการทุจริตในด้านต่างๆ ตามหลักความเหมาะสมและความสอดคล้องกับต่างประเทศ โดยหน่วยงานภาครัฐในทุกภาคส่วนจะต้องปฏิบัติอย่าเคร่งครัด และมีการกำกับ ติดตาม และประเมินผล รวมถึงการปฐมนิเทศข้าราชการที่บรรจุใหม่ ในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ตามมาตรการของ ป.ป.ช.