xs
xsm
sm
md
lg

“สมชัย” ยังแรง ฉะ กรธ.จัดเวทีแสดงความเห็นแค่พิธีกรรม หมกเม็ดร่าง กม.ฉบับแก้ไข

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สมชัย ศรีสุทธิยากร
“สมชัย” เครื่องร้อนไม่หยุด อัด กรธ.จัดเวทีแสดงความเห็นแค่พิธีกรรมทำให้เสร็จ ไร้ความจริงใจหมกเม็ดร่าง กม.กกต.ฉบับแก้ไขแล้ว เตือนระวังสังคมมองใช้เกณฑ์คุณสมบัติโละหวังยึดองค์กรอิสระส่งผลเสียระบบตรวจสอบ พร้อมจี้ กกต.สะท้อนปัญหาแท้จริง อย่าห่วงเก้าอี้จนไม่กล้าแสดงความเห็นตรงไปตรงมา

นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะใช้เกณฑ์คุณสมบัติกรรมการองค์กรอิสระใหม่ตามรัฐธรรมนูญในการรื้อกรรมการองค์กรอิสระชุดปัจจุบันว่า ได้ยืนยันก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้วว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่หน้าที่ขององค์กรอิสระใดที่จะพูดเรื่องคุณสมบัติ ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง คือ กรธ. และจะไปสิ้นสุดที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ท่านจะตัดสินใจอย่างไรนั้นเป็นอิสระ และผลจะออกมาอย่างไรก็ปฏิบัติตาม ไม่กังวล

“ผมไม่อยู่ในสถานะที่จะบอกว่าตัวเองเป็นอย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ ต้องรอกฎหมายออกมาก่อน ออกมาแล้วทุกคนต้องปฏิบัติ เพราะสิ่งสำคัญของความเป็นพลเมืองต้องเคารพกฎหมาย ไม่ได้ขอปรับแก้อะไรเลย เท่าที่ดูความคิดเห็นที่เสนอไปตามสื่อต่างๆ กรธ.ก็รับทราบหมดแล้ว ใช้ดุลพินิจโดยอิสระ ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมืองจึงจะเดินหน้าต่อไปได้”

ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง กล่าวว่า เวทีแสดงความคิดเห็นร่างกฎหมายของ กรธ.เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา เห็นว่า กรธ.ทำเพียงต้องการให้เป็นพิธีกรรม ไม่ได้มุ่งหวังให้ประชาชนรู้ถึงเนื้อหาสาระของกฎหมายอย่างแท้จริง สังเกตได้จากไม่มีตัวแทนพรรคการเมืองใหญ่เข้าร่วม ทั้งที่เป็นการเชิญประชุมครั้งสองของ กรธ.แล้ว แสดงว่าขาดความเอาจริงเอาจังในการติดต่อพรรคการเมืองมาให้ความเห็น ร่างกฎหมายที่นำเสนอยังใช้ฉบับที่ กกต.ส่งไปไม่ใช่ร่างของ กรธ.ที่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาสำคัญไปมาก แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจของ กรธ.

“ควรมีการจัดรับฟังความคิดเห็นอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง เพื่อฟังเสียงจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆ ฝ่าย มิฉะนั้นแล้วกฎหมายสำคัญซึ่งจะมีผลต่อบ้านเมือง มีผลต่ออนาคตทางการเมืองของไทย ก็จะมีผลเพียงแค่ถูกผ่านกระบวนการที่เป็นแค่พิธีกรรมเท่านั้นเอง ผมไม่อยากให้ กรธ.เล่นการเมือง หมกเม็ดกฎหมาย เอากฎหมายที่ไม่จริงมาพูดกัน ถึงเวลาก็รีบส่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาในเวลาที่สั้น เหมือนนักศึกษาที่ต้องสอบวิทยานิพนธ์แต่ไม่ยอมพบอาจารย์ที่ปรึกษา หมกเม็ดไม่ปรึกษาขอความเห็น พอถึงเวลาใกล้หมดอายุความก็ยื่นวิทยานิพนธ์เล่มเต็มมา แล้วก็อาศัยเวลาที่เหลืออยู่บีบบังคับให้จบ”

ส่วนที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ยืนยันว่าจะใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวกับทุกองค์กรอิสระแม้ในหลักการจะถือว่าเป็นธรรม แต่อยากให้พิจารณาถึงประโยชน์ผลได้เสียให้ดี

“ประเด็นสำคัญขณะนี้ สังคมกำลังจับจ้องว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังเตรียมการในการโละเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบภายในองค์กรอิสระทุกองค์กร โดยเอาคนของตัวเองเข้าไปทำหน้าที่ในองค์กรเหล่านั้น นี่คือการยึดพื้นที่ทางการเมืองขององค์กรอิสระที่ต้องดูให้ดี ไม่อยากให้เกิดภาพว่าฝ่ายที่ไม่ได้รับการยอมรับในสังคมกำลังจะเปลี่ยนแปลงยึดพื้นที่ในทุกภาคส่วน อย่าให้สังคมคิดแบบนั้นโดยอ้างเรื่องคุณสมบัติ มิฉะนั้นแล้วในแง่การทำงานจะเป็นไปในแนวเดียวกัน กระบวนการตรวจสอบคัดค้านให้เกิดความเป็นธรรมจะไม่เกิดขึ้น”

นายสมชัยยืนยันด้วยว่า ที่ออกมาพูดเรื่องนี้ไม่ใช่ห่วงสถานะตนเองเนื่องจากมั่นใจว่าตัวเองมีคุณสมบัติครบตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยเคยทำงานในภาคประชาสังคมมากกว่า 24 ปี ถ้านับย้อนไปถึงตอนสรรหาก็ 21 ปี เกินกว่ากฎหมายกำหนด เว้นแต่ท่านจะตีความเป็นอย่างอื่น

ส่วนที่ก่อนหน้านี้ ประธาน กกต.สนับสนุนแนวทางของ กรธ.นั้น นายสมชัยกล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น และเมื่อร่างกฎหมายดังกล่าวของ กรธ.ส่งไปยัง สนช. ก็ขึ้นอยู่กับ สนช.จะพิจารณาจำเป็นที่ กกต.จะต้องมีความเห็นทางใดทางหนึ่งเสนอไปยัง สนช.หรือไม่ แต่ส่วนตัวอยากให้ กกต.มองปัญหาที่เกิดขึ้นจริงบนพื้นฐานประสบการณ์การทำงาน ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่าสิ่งที่เขียนมาใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ ไม่อยากให้เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ว่าแล้วแต่เขาจะเขียนให้อย่างไรก็เอาตามนั้น คนคิดแบบนี้ไม่ควรจะทำงานเป็น กกต. เราควรเอาประสบการณ์สะท้อนข้อเท็จจริงว่ารูปแบบดังกล่าวมีปัญหาอย่างไร ก่อให้เกิดผลดีทางการเมืองหรือไม่ ถ้าดีกว่าเดิมก็ต้องสนับสนุน ถ้าแย่กว่าเดิมก็ต้องกล้าให้ความเห็น ไม่ใช่ติดยึดตำแหน่งของตัวเองว่าพูดไปแล้วจะกระทบหน้าที่ตำแหน่งที่ดำรงอยู่


กำลังโหลดความคิดเห็น