“สมชัย” เผย กกต.มีมติแจ้งความเอาผิด จนท.ฝ่ายสืบสวนฯ งุบงิบเบี้ยประชุมเข้ากระเป๋าตัวเอง 2 ล้านบาท มั่นใจไม่มีปัญหาถูกมองบก้าวก่ายงานด้านสืบสวน เพราะดูแลด้านบริหารกลาง ผุดระบบวัดผลการทำงาน 22 ธ.ค. จับรองเลขาฯ กกต.ทำเอ็มโอยู รายงานผลการทำงานทุก 3 เดือน
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารกลาง ยอมรับว่าการประชุม กกต.เมื่อวันที่ 15 พ.ย.มีมติให้สำนักงานฯแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ด้านสืบสวนสอบสวนจากกรณีพบว่าทุจริตเบิกเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านจำนวน 2 ล้านบาท โดยกรณีดังกล่าวตนพบเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการเข้ามาดูแลงานด้านบริหารกลาง 2 เดือนที่ผ่านมา เมื่อพบความผิดปกติก็ได้ประชุมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และได้มีการสอบถามข้อเท็จจริงจากอนุกรรมการ เจ้าหน้าที่จึงให้ดำเนินการตรวจสอบ โดยให้สำนักกฎหมายดำเนินคดีทางกฎหมายและสอบสวนทางวินัย พร้อมกับให้มีการรายงานให้ที่ประชุม กกต.ทราบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สำนักงานกำลังพิจารณาสั่งพักงานเจ้าหน้าที่รายดังกล่าว และไม่ถือว่าตนไปก้าวก่ายงานด้านสืบสวนสอบสวน เพราะดูแลด้านบริหารกลางก็มีหน้าที่ดูแลงบประมาณและบุคลากร แผนยุทธศาสตร์ คิดว่านายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน น่าจะดีใจที่ตนเข้ามาช่วยทำให้ปัญหาตรงนี้ลดน้อยลง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการตรวจสอบการเบิกเบี้ยประชุมของคณะอนุกรรมกาวินัยคำร้องคัดค้าน ทั้ง 25 คณะด้วยหรือไม่ และรองเลขาธิการด้านสืบสวนสอบสวนในฐานะผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะมีความผิดฐานบกพร่องปล่อยให้มีการทุจริตหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า ขณะนี้ขอรอดูผลการสอบสวนกรณีนี้ก่อน ถ้าหากพบว่ามีข้อมูลทุจริตคณะอื่นด้วยก็จะมีการสอบสวนในคณะอื่นต่อ ส่วนผู้บังคับบัญชาก็ต้องดูว่าปล่อยปละละเลยหรือไม่ต้องพิจารณากัน
ส่วนที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวให้ผู้ใหญ่วิ่งเต้นและชดใช้เงิน นายสมชัยกล่าวว่า ความผิดถือว่าสำเร็จแล้ว คงไม่พ้นคดีอาญา ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่อยากให้มองว่างานสืบสวนสอบสวนมีปัญหาทั้งระบบ เพราะเรื่องการปลอมแปลงเบี้ยประชุมเกิดขึ้นได้กับทุกหน่วยงานราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัยกล่าวตอนหนึ่งในระหว่างบรรยายพิเศษให้ผู้บริหารสำนักงาน กกต.ฟังในหัวข้อ “กกต. มุ่งมั่นเสริมสร้างธรรมาภิบาลสู่องค์กรแห่งความโปร่งใส” ว่าที่ผ่านมาการทำงานของ กกต.มีลักษณะเป็นหน่วยงานราชการ 3 ปีที่ตนเข้ามา เวลามอบหมายงานใหม่ หรือมีงานเพิ่มขึ้นมา ก็จะรู้สึกว่าทำมากก็ถูกตรวจสอบมาก มีการเลี่ยงงานทำให้ไม่เกิดนวัตกรรมใหม่ เมื่อเข้ามารับผิดชอบงานด้านบริหารกลาง จึงอยากให้ผลการทำงานที่สำเร็จเป็นรูปธรรมเป็นตัวชี้วัด ซึ่งในการจัดการเลือกตั้งไม่ใช่ทำแค่จัดให้เสร็จ แต่อยากให้เกิดการจัดการเลือกตั้งที่ไม่มีการทุจริต ซื้อเสียง ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งบนพื้นฐานข้อมูล เป็นการเลือกตั้งคุณภาพ จึงอยากให้พนักงาน กกต.ทุกคนร่วมมือกัน โดยได้มีการสร้างระบบวัดผลการทำงานขึ้น ซึ่งในวันที่ 22 ธ.ค.นี้จะมีการแถลงผลงานรอบ 3 ปี กกต.และมีการลงนามเอ็มโอยูระหว่าง กกต.กับรองเลขาธิการกกต.ในทุกด้าน ที่จะร่วมกันทำงานภายใต้ตัวชี้วัดที่สร้างขึ้น โดยรองเลขาธิการฯจะต้องรายงานผลการทำงานให้ กกต.ทราบทุก 3 เดือน
ด้านนายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวกรณีเจ้าหน้าที่สืบสวนทุจริตเบี้ยประชุม ว่ายังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่ชัดเจนว่าการทุจริตดังกล่าวเป็นการปลอมทั้งขบวนการตั้งแต่ต้นจนจบหรือไม่ ถ้าหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่กระทำความผิดจริงก็จะต้องให้พักราชการ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเป็นการกระทำของพนักงานบางคนเท่านั้น