“บิ๊กตู่” เผยหารือทูต-กลสุลใหญ่ไทยทั่วโลกเพื่อปรับรูปแบบการทำงาน เน้นทันโลก ส่วนการเปลี่ยนแปลงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไทยต้องตั้งหลัก เตรียมการให้พร้อมทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม เพื่อให้พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมหารือพร้อมมอบนโยบายด้านการต่างประเทศกับเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก และผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศว่า การประชุมตามวาระอย่างเป็นทางการปีละ 2 ครั้ง เพื่อทำความเข้าใจถึงวิวัฒนาการประเทศไทยในทุกด้าน และตอบคำถาม ข้อซักถามของเจ้าหน้าที่ เอกอัครราชทูตต่างๆ ซึ่งก็เข้าใจกันดี ไม่มีปัญหาอะไร
โดยวันนี้ได้มุ่งเน้นในการปรับรูปแบบการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เราทำมาตลอด 2 ปีกว่าที่ถือว่าทำดีอยู่แล้ว ซึ่งต้องทำให้ทันต่อสถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน รวมถึงประชาคมโลก แม้กระทั่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีก็มีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเราต้องตั้งหลักให้ถูกต้องในทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม เราต้องเตรียมการให้พร้อม เพื่อจะได้พูดคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง อย่าเพิ่งไปเรียกร้องอะไรให้มากนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนช่วงท้ายนายกฯ ได้แนะนำนางบุศยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ พร้อมกล่าวว่าฝากดูแลท่านด้วยเป็นผู้หญิง นี่แหละคือความเท่าเทียม
ขณะที่นางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การจัดประชุมวันนี้ภายใต้หัวข้อ “การทูตไทยมองไกลก้าวทันโลก” มีการสรุปผลงานที่ผ่านมาของคณะทูตซึ่งถือว่าบทบาทของไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ที่ประชุมเน้นย้ำนโยบายสำคัญในเรื่องยุทธศาตร์ชาติ 20 ปี และการเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 รวมถึงหารือว่ากระทรวงว่าจะสอดแทรกการทำงานอย่างไรเพื่อให้รับกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งครอบคลุมในทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคง
ทั้งนี้ ถือว่ามีความสำคัญเรื่องช่วงเวลาที่ไทยอยู่ช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การปฏิรูปที่ชัดเจน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอีก 12 เดือนข้างหน้า จึงถือเป็นโอกาสดีที่ได้แลกเปลี่ยนกันในวันนี้
“นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าต้องการเดินหน้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยนำเทคโนโลยี นวัตกรรมในต่างประเทศมาเป็นองค์ความรู้เพื่อพัฒนาประเทศและประชาชนให้เป็นไปตามเป้าหมาย คณะทูตก็มีการปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้วแต่ก็ต้องทำให้ดีขึ้น ส่วนเรื่องผลการเลืองตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานั้นไม่ได้มีการหารือ เพียงแต่ยินดีแก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่เท่านั้น”