“มัลลิกา” เสนอรัฐบาลทบทวนนำเข้าอาหารสัตว์ ระบุเป็นเหตุทำราคาข้าวตกต่ำ

รองโฆษก ปชป.แนะรัฐบาลทบทวนการนำเข้าอาหารสัตว์ ระบุเป็นส่วนหนึ่งทำราคาข้าวตกต่ำ เหตุโรงสีขายรำข้าวไม่ได้ เพราะนโยบายการนำเข้าอาหารสัตว์

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชน กล่าวว่า วงจรของโรงสีที่เป็นปราการด่านแรกของชาวนาในการนำข้าวไปขายจะได้ราคาดีหรือไม่ หรือโรงสีจะรับซื้อหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าโรงสีได้ขายแกลบและรำเข้าสู่บริษัทอาณาจักรรับซื้ออาหารสัตว์หรือไม่ ในประเทศนี้ผู้รับซื้อแกลบ รำ และข้าวโพดเพื่อเป็นวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์บริษัทยักษ์ใหญ่สุด คือ เครือซีพี โดยหนทางหนึ่งของการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำของชาวนา คือ ระงับการนำเข้าอาหารสัตว์ตามโควตาเดิมที่บริษัทต่างๆ เคยขอและวันนี้เมื่อสถานการณ์พืชผลการผลิตของเกษตรในประเทศออกมา รัฐบาลก็ควรตรวจสอบทบทวนมาตรการของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง

นางมัลลิกากล่าวว่า ควรตรวจสอบและระงับการนำเข้าอาหารสัตว์เพื่อให้วงจรการเกษตรในประเทศขับเคลื่อนไปได้ โรงสีมีรายได้ 3 ทางจากการรับซื้อข้าวเปลือกชาวนา นั่นคือ 1. กำไรจากการรับซื้อ ได้รำและแกลบไปขาย และเมื่อเครือซีพีหรือบริษัทด้านผลิตอาหารสัตว์ไปนำเข้าอาหารสัตว์เสียแล้ว แกลบและรำจากข้าวของชาวนาจะขายให้ใคร เรื่องนี้เป็นสำนึกหลักการบริหารธุรกิจแบบมีธรรมาภิบาล ถ้ารัฐบาลใช้ความสามารถของรัฐมนตรีตรวจสอบทบทวนเรื่องนี้ดีก็จะช่วยชาวนาได้มากโดยเฉพาะในขณะนี้หรือก่อนหน้านี้ต้องระงับการนำเข้าอาหารสัตว์ เพราะโรงสีที่เกี่ยวข้องกับชาวนาเขาต้องได้กำไรจากการขายแกลบกับรำ

อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาจจะไม่รู้ซึ้งถึงรายละเอียดของวงจรระหว่างอาหารสัตว์และข้าวของชาวนา จึงยืนยันว่าผู้บริหารธุรกิจที่มีอิทธิพลต่อเกษตรกรชาวไร่ชาวนาควรช่วยเหลือกันยามนี้ และอย่าเอาหลักความง่ายของธุรกิจตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างเดียวโดยขาดหลักธรรมาภิบาล