เลขาฯ สมช.แจงรอง ผบ.ตร.แจ้งข่าวอาจมีป่วน กทม.เพื่อให้ จนท.ตื่นตัว ปชช.เป็นหูเป็นตา “ประวิตร” สั่งเข้มข่าวกรอง ออสซี่แจ้งเตือนเป็นเรื่องปกติแลกเปลี่ยนข้อมูล คาดป่วนในจุดที่รับผลกระทบมากที่สุด รับเชื่อมโยงเหตุ 7 จว.ใต้ตอนบน ยันเกาะติดทุกกลุ่ม เฝ้าระวังเต็มที่ แต่ยังไม่ใช่สถานการณ์ตึงเครียด
วันนี้ (11 ต.ค.) เมื่อเวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ออกมาเปิดเผยข้อมูลทางการข่าวอาจมีการก่อความไม่สงบในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ว่าเป็นการแจ้งเตือนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตื่นตัวในการทำงาน พร้อมทั้งให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่หากพบอะไรที่ผิดปกติ เช่น ยานพาหนะต้องสงสัยที่ตำรวจได้แจ้งไว้ว่าจะมีการใช้เป็นยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้ประชาคมข่าวกรองทั้งหมดเร่งติดตามและแจ้งเตือนกัน หากมีอะไรผิดปกติจะต้องเร่งดำเนินการระงับยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุ
พล.อ.ทวีปกล่าวว่า ส่วนการแจ้งเตือนของสถานทูตออสเตรเลียถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการข่าวที่ร่วมกันติดตามคอยดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ อย่างใกล้ชิด สิ่งที่ประชาคมข่าวกรองร่วมกันทำมักจะไม่มีใครรับทราบ เพราะเป็นการติดตามกลุ่มต่างๆ ที่อาจจะสร้างความวุ่นวายและก่อเหตุร้าย อย่างไรก็ตาม นอกจากพื้นที่ 3 จุดใน กทม.และปริมณฑลแล้ว พล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้ดูในภาพรวมเพิ่มเติม แต่การที่จะดูทุกพื้นที่ในเวลาเดียวกันไม่สามารถทำได้เท่ากันทั้งหมด จึงต้องเพ่งเล็งเป็นจุดๆ ตามที่ได้รับข่าวมา คาดว่าเขาคงทำในจุดที่มีผลกระทบมากที่สุด
ส่วนการแจ้งเตือนครั้งนี้จะมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุใน 7 จังหวัดภาคใต้ เมื่อวันที่ 11-12 ส.ค.หรือไม่นั้น พล.อ.ทวีปกล่าวว่า เป็นเรื่องที่มีความต่อเนื่องกัน เป็นผู้ที่มีความเห็นต่างที่มีความคิดเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างจะพยายามก่อความไม่สงบขึ้นมา ทำให้เกิดเป็นประเด็นและต้องการแสดงออก สิ่งเหล่านี้ต้องทำไม่ให้เกิดขึ้น แต่จะบอกว่าต่อเนื่องหรือไม่ ยังไม่มีประเด็น และยังไม่สามารถเชื่อมถึงได้ว่าเป็นกลุ่มใด มีเพียงรายงานข่าวที่แจ้งเข้ามา แต่สิ่งที่เราทำคือเมื่อได้รับข่าวสารต้องนำมาวิเคราะห์ในหลายจุดทำให้เป็นข่าวที่มีข้อมูลมากขึ้นก่อนที่จะวิเคราะห์ว่าเป็นการก่อเหตุของกลุ่มไหน แต่ยืนยันว่าได้มีการติดตามความเคลื่อนไหวของทุกกลุ่ม ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มความเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ทุกกลุ่มที่จะก่อเหตุในทุกเรื่องเราไม่สามารถติดตามแค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ ถ้ากลุ่มใดมีพฤติกรรม หรือเตรียมการจะทำอะไรที่เป็นผลกระทบต่อประเทศไทย หรือชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ต้องดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มเหล่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปกติงานการข่าวจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ครั้งนี้มีการเปิดเผยมีความจำเป็นอย่างไร เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า เป็นการแจ้งเตือนเพื่อให้ประชาชนช่วยกัน หากพบความผิดปกติใกล้ๆ บ้าน ช่วยบอกให้เจ้าหน้าที่รับทราบ จะได้สืบสวนขยายผลต่อ ส่วนจะมีแนวโน้มการก่อเหตุสูงหรือไม่ เราถือว่าต้องแจ้งเตือนไม่ให้เกิดเหตุ และการแจ้งเตือนล่วงหน้าเหมือนบอกให้เขารู้ว่า เรารู้ว่าเขากำลังจะก่อเหตุเพื่อที่จะยุติไม่ให้ก่อเหตุ นั่นเป็นวิธีการหนึ่งในการป้องปรามว่าเราติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ส่วนการเฝ้าระวังขณะนี้ขอใช้คำว่าเตรียมการเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุ เรียกว่าเต็มขีดความสามารถ และยังไม่ใช่สถานการณ์ที่ตึงเครียด