“บิ๊กตู่” ใช้ ม.39 หลัง “พล.อ.ดาว์พงษ์-กกอ.”ชง แก้ปัญหาธรรมาภิบาล สั่งจัดระเบียบ มหาวิทยาลัยบูรพา-มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (อุเทนถวาย)” ย้ำสองสถาบันมีความขัดแย้งภายในจนไม่อาจที่จะแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ หากปล่อยให้การแก้ไขปัญหาล่าช้าออกไปจะทําให้เกิดความเสียหายต่อระบบการศึกษาหรือนิสิตนักศึกษาจํานวนมาก
วันนี้ (4 ต.ค.) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2559 เรื่องการกําหนดรายชื่อสถาบันอุดมศึกษาอื่น ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 39/2559 เรื่องการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษาลงวันที่ 12 กรกฎาคม พุทธศักราช 2559 ดังนี้
“ตามที่ได้มีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง การจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา เพื่อแก้ไขสถานการณ์ความไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรมของการดําเนินการของสถาบันอุดมศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจให้แก่สังคมโดยรวม โดยในกรณีจะต้องนํามาตรการตามคําสั่งดังกล่าวไปใช้กับสถาบันอุดมศึกษาอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคําสั่งดังกล่าว ให้เป็นไปตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติประกาศกําหนดนั้น คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ได้รายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่ายังมีสถาบันอุดมศึกษาบางแห่ง ประสบปัญหาความขัดแย้งภายในสถาบันจนไม่อาจที่จะแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยมาตรการปกติซึ่งหากปล่อยให้การแก้ไขปัญหาล่าช้าออกไปจะทําให้เกิดความเสียหายต่อระบบการศึกษาหรือนิสิตนักศึกษาจํานวนมาก
อาศัยอํานาจตามความในวรรคสองของข้อ ๑๒ แห่งคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๓๙/๒๕๕๙ เรื่อง การจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้สถาบันอุดมศึกษาดังต่อไปนี้ เป็นสถาบันอุดมศึกษาอื่นตามวรรคสองของข้อ ๑๒ แห่งคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๙/๒๕๕๙ เรื่อง การจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
(๑) มหาวิทยาลัยบูรพา
(๒) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
ข้อ ๒ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ”
มีรายงานว่า เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่ามา นายสืบพงษ์ ม่วงชู รองอธิการบดีฝ่ายบริหารงาน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เป็นตัวเเทนสภามหาวิทยาลัยยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ หลังมีกระเเสข่าวว่าคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เล็งใช้มาตรา 44 เเก้ปัญหาธรรมาภิบาลอีก 2 มหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยบูรพา และ มทร.ตะวันออก โดยขอโอกาสให้สภามหาวิทยาลัยได้ชี้เเจงข้อเท็จจริง ซึ่งเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา กกอ.ได้เรียกเลขานุการสภามหาวิทยาลัยไปตอบคำถาม โดยไม่ได้ให้ชี้เเจงข้อมูลเท่าที่ควร ซึ่งสภามหาวิทยาลัยมองว่าผู้ที่ต้องทำหน้าที่ชี้เเจงควรเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยมากกว่า
ส่วนประเด็นที่สภามหาวิทยาลัยมีมติถอดถอนนายสิน พันธุ์พินิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยนั้นทำอย่างถูกต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่มีการกลั่นแกล้งเเต่อย่างใด ยืนยันมหาวิทยาลัยไม่มีปัญหาธรรมาภิบาล ม.44 แก้ธรรมาภิบาลนั้นเป็นเรื่องดียินดีให้ กกอ.เข้ามาตรวจสอบ เเต่ก่อนจะเข้ามาต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องด้วยไม่ใช่พิจารณาข้อมูลไม่รอบด้าน ตนคาดว่าขณะนี้กกอ.น่าจะขาดข้อมูลสำคัญหลายด้าน จึงอยากให้เชิญนายเกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม นายกสภามหาวิทยาลัยเข้าไปชี้แจง ก่อนจะใช้ ม.44 กับมหาวิทยาลัย พร้อมกันนี้วันนี้ได้มีตัวแทนของมหาวิทยาลัยไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี และ กกอ.ด้วย
โดยเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2559 คณาจารย์ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก อุเทนถวาย ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ใช้อำนาจมาตรา 44 ยุบสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก หลังพบพิรุธในการบริหารงานหลายด้าน
โดยนายวิรัตน์ สุขจิตสำราญ นายกสมาคมศิษย์เก่าอุเทนถวายระบุว่า จุดแรกเริ่มคือ ทางสมาคมศิษย์เก่าอุเทนถวาย และคณาจารย์เกินครึ่งได้ลงชื่อขอปรับเปลี่ยนย้ายผู้บริหารที่ดูแลอุเทนถวายให้พ้นจากตำแหน่ง เพราะบริหารราชการมาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน มีแต่ตกต่ำลง ทั้งด้านวิชาการ บุคลากร นักศึกษา อาคารสถานที่ เช่น ด้านวิชาการ ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร บางครั้งงานโครงการ หรือกิจกรรม ทางคณาจารย์ต้องรวบรวมเงินกันเองเพื่อจัดกิจกรรม จากที่ตนเฝ้าดูแล้วพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น จนบานปลายไปถึงสภามหาวิทยาลัยฯ
“เราพยายามจะทำตามกระบวนการ แต่ปรากฏว่าท่านอธิการบดีกลับถูกถอดถอนออกเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 59 ด้วยมติ 20:1 แทนที่จะเป็นคนที่เราประสงค์จะให้พ้นไป ซึ่งก็พอที่จะเข้าใจได้เพราะท่านเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ที่รับไม่ได้ก็คือ คณะบริหาร หมายถึง รองอธิการบดี ในเมื่อท่านอธิการบดีถูกถอดถอนแล้ว ต้องไปทั้งชุด แต่ปรากฎว่าคล้อยหลัง 3 วัน มีการแต่งตั้งกลับเข้ามาอีก เอาชุดเดิมเข้ามา แล้วมีรักษาการอธิการบดี รวมถึงมติที่ออกมาเป็น 20:1 รองอธิการบดีและคณบดีที่ทำงานร่วมกับท่าน ที่ท่านตั้งมากับมือ กลับโหวตถอดถอนท่าน ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน โดยระบบมันแก้ไขปัญหาตัวเองไม่ได้”
ส่วนกรณี ม.บูรพา เกิดวิกฤตในการสรรหาอธิการบดีคนใหม่ โดยเฉพาะมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้การดำเนินการสรรหาไม่สามารถเป็นไปตามครรลองของการสรรหาได้หลายปี มีกลุ่มบุคคลภายในรั้วของ ม.บูรพาเดินทางมายื่นเรื่องราวต่อกระทรวงศึกษาธิการเพื่อขอให้มีการดำเนินการแก้ไขหลายครั้ง