xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ขออย่าฝันไกลเกิน เตือน กกต.ไม่ใช่หน้าที่กำหนดวันเลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรี ขอบคุณนักกีฬาคนพิการคว้าเหรียญพาราลิมปิก ยันไม่เคยฝันเป็นนายกฯ ไม่เคยวิ่งเต้น ทำงานตามคำสั่ง หวังเป็นนายพลก็พอ ขออย่าฝันอะไรที่ไกลเกินไป เพราะกดดันจนอาจเกิดทุจริต เซ็งสื่อพูดแหย่ก็เอาไปพาดหัว รับเกลียดพวกด่าเรื่องส่วนตัว แถมพูดไม่สุภาพ เป็นผู้ใหญ่ไม่ควรทำ เตือน กกต. ไม่ใช่หน้าที่กำหนดวันเลือกตั้ง ยันมีคนดูอยู่เซตซีโรหรือไม่

วันนี้ (27 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีเด็กด้อยโอกาสในพื้นที่ชนบทมีความฝันอยากเป็นนายกฯ ว่า ในเรื่องความฝัน ตนขอให้กำลังใจทุกคน จะฝันอะไรก็ตามต้องนอนก่อนฝัน และก่อนนอนต้องพัฒนาตัวเองเตรียมตัวเองให้พร้อม จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ต้องพัฒนาตัวเอง จะเป็นความหวังได้ แต่ความหวังจะเป็นความจริงหรือไม่ อยู่ที่ตัวเรา ตนให้กำลังใจเสมอเพราะมีโอกาสน้อยกว่าคนอื่น แต่ตนเห็นบางอย่างในคนที่ด้อยโอกาส คนที่พิการทำได้ดีกว่าคนที่ครบ 32 เสียอีก มันอยู่ความพยายามและความตั้งใจ ในวันข้างหน้าจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นได้ทุกอย่างในโลก หากตั้งใจจริงและพัฒนาตัวเองไปด้วย จะไปรอฝันนั้นไม่ใช่ แบบที่ไปขุดหวยขุดเบอร์มันทำไม่ได้ ขอบคุณคนพิการที่ได้เหรียญมาด้วย

เมื่อถามว่า นายกฯเคยมีความฝันที่จะมายืนตรงจุดนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยฝันอะไรทั้งสิ้น ตนทำด้วยความจริง ตนทำงานทุกวัน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด การจะเป็นอะไรก็ตามเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาเป็นคนเลือก ตนไม่เคยต้องไปวิ่งเต้นอะไรกับใคร ใครมาเป็นผู้บังคับบัญชา ตนก็ทำงานให้หมด ไม่ได้หวังว่าจะได้อะไร หวังเพียงแค่จบโรงเรียนนายร้อยมาเป็นนายพลก็พอแล้ว ไม่เคยว่าจะเป็นตอนนั้นตอนนี้ ไม่เคยต้องไปวิ่งเต้น มันก็เป็นของมันเอง อาจจะเป็นเพราะตนไม่ค่อยฝัน เพราะนอนก็ไม่ค่อยฝัน ตนอยู่ด้วยความจริง นี่คือตัวตน คนอื่นก็แล้วแต่ เขาเรียกว่า เป็นความหวังของทุกคน ตนไม่ได้หวังเพื่อตัวเอง ตนหวังแค่ทำงานให้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้คิดว่าจะมายืนตรงนี้ด้วยซ้ำ ไม่ได้ว่าจะเป็นผู้บัญชาการทหารบกด้วย ถ้าคิดแบบนั้นก็จะเป็นการทรมานตัวเอง ว่า ทำไมไม่ได้อย่างคนนั้นคนนี้ ไม่ได้เป็นเร็วกว่าคนอื่น ต้องไปข้ามรุ่นกับรุ่นพี่ ทะเลาะเบาะแว้งกันไปหมด ตนไม่ค่อยมีศัตรู เพราะตนทำงานให้ทุกคน เขายอมรับในความสามารถ ก็น่าจะโอเค ไม่ได้ไปวิ่งเต้น อันนี้เป็นเพราะความจำเป็น ไม่ได้อยากเป็น

“ฝากว่าอยากให้ฝันอย่างมีสติ อย่าฝันอะไรที่ไกลเกินไป ฝันเป็นระยะได้ ถ้าฝันจากตรงนี้ไปตรงโน้นเลยทีเดียวจะเป็นยาก เพราะมีความกดดัน แล้วเดี๋ยวก็จะทำอะไรซิกแซก ก็จะเกิดการทุจริต อยากรวยอยากมีสตางค์ ทุกอย่างมีชะตากรรมของทุกคน แต่ปล่อยให้เป็นชะตากรรมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีความฝัน ฝันว่าจะเป็นคนดี มีความก้าวหน้า ทำประโยชน์แผ่นดิน ให้ประเทศชาติ ประชาชน ตนเป็นทหารคิดแบบนี้ คนอื่นจะคิดอย่างไรตนไม่สน แน่นอนว่า ตนไม่ได้ดีและเก่ง คนที่คิดแบบตนมีเยอะมากด้วย ขอให้กำลังใจทุกคนฝันต่อไป” นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีได้รับข้อมูลว่า มีสื่อไปตำหนิตนเองว่า “ใครหล่ะ ใครว่า ไม่ได้อยู่ด้วยหรอ สรุปไม่มีคนอยู่เลยใช่ไหม เดี๋ยวผมเช็กเวลาที่ข่าวว่ามีการว่าผมในรังนกกระจอกทั้ง 3 รัง ระวังนะพูดจาอะไรออกไป กล้องซีซีทีวีติดอยู่หรือเปล่า แต่ฉันไม่ไปละเมิดเธอขนาดนั้นหรอก ก็พูดไปเรื่อย เวลาพูดเล่น พูดหัวก็เอาไปพาดหัวหมด วันหลังไม่พูดเล่นแล้ว พูดแหย่ไป ต่อไปพอเรื่องจริงก็กลายเป็นเรื่องไม่สำคัญ ใครชอบด่าผมระวังตัว ไม่ใช่ด่าแบบเป็นเรื่องเป็นราว หรือด่าแบบสื่อ แต่ด่าส่วนตัวแบบนี้ผมเกลียด พูดจาไม่สุภาพ ด่าผมด้วย เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้วไม่ควรทำ”

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่า จะมีการเลือกตั้งในเดือนตุลาคม 2560 ว่า “เป็นเรื่องของ กกต. คิดไป ผมมีโรดแมปของผม ส่วนวันเลือกตั้งไม่รู้ ไม่ใช่หน้าที่ กกต. พูดมาก คนละเรื่อง หน้าที่เขาจัดเมื่อไหร่ ก็จัดไป ไม่ใช่หน้าที่มากำหนดรัฐบาลทำนี่ ทำโน่น มันไม่ใช่หน้าที่ ทำงานในหน้าที่เสียหน่อย ดีแต่พูดกันทั้งนั้นแหล่ะ”

เมื่อถามว่า มีแนวคิดจะเซตซีโร กกต. หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่รู้เดี๋ยวดูก่อน เดี๋ยวดูกันเอง มีคนดูแลอยู่เรื่องนี้ แล้วผมจะบอกทำไม ผมก็มีมาตรการรองรับของผม ถ้าตอบหมดแล้ววันหน้าจะมาถามอะไร เพราะวันนี้ตอบหมดแล้ว แล้วจะอยู่ทำไม ไม่รู้”


พาราลิมปิก-โอลิมปิก อัดฉีดต้องเท่าเทียม / แมวดำ
จบไปแล้วสำหรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก และ พาราลิมปิก ฤดูร้อน 2016 ที่ประเทศบราซิล เป็นเจ้าภาพ ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย คว้าเหรียญจากโอลิมปิก มา 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง และ พาราลิมปิก ได้มา 6 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง ตัวเลขสวยหรูจริงๆ แต่กลายเป็นว่าได้เหรียญรางวัลเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์กลับต่างกัน โดยนักกีฬาโอลิมปิก จะได้รับเงินอัดฉีด เหรียญทอง 12 ล้านบาท เหรียญเงิน 6 ล้านบาท และ เหรียญทองแดง 4 ล้านบาท ส่วนนักกีฬาพาราลิมปิก เหรียญทอง 7.2 ล้านบาท เหรียญเงิน 4.8 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 3 ล้านบาท ซึ่งเห็นได้ชัดว่าต่างกันมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น