รองหัวหน้าประชาธิปัตย์ หนุนให้อำนาจ กกต.ใช้กฎหมายอาญาเรียกจับกุมได้ เชื่อจะดำเนินการคนทำผิดเร็วขึ้น แต่ต้องตรวจสอบได้ ถ้าใช้กลั่นแกล้งต้องได้รับโทษสูงใกล้เคียงกับคนทำผิด ด้าน “วัชระ” ชี้ถ้าให้เทียบเท่าศาลต้องดูให้รอบคอบ บุคคลาการเที่ยงธรรมมากน้อยเพียงใด จี้ ปปง.-ป.ป.ท.สอบทรัพย์ย้อนหลังเพื่อลบครหา ห่วงดึงหน่วยคุ้มครองพยานช่วย บอกขนาดอยู่ในดีเอสไอยังกลายเป็นศพได้ ติงสินบนนำจับแสนเดียวน้อย
วันนี้ (19 ก.ย.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เสนอร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ กกต.ให้มีอำนาจตามประมวลวิธีพิจารณากฎหมายอาญา คือ สามารถออกหมายเรียก ตรวจค้น ยึด อายัด จับกุมซึ่งหน้าได้ว่า ในเรื่องนี้ตนเห็นด้วย คือบางครั้งเวลามีคนไปแจ้งว่าพบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง พบการซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่เขตนั้นเขตนี้ ถ้าทาง กกต.มีอำนาจส่วนนี้แล้วตนก็เชื่อว่าการดำเนินการก็จะเร็วขึ้น เพราะเดิมที่ทาง กกต.จะต้องประสานงานกับฝ่ายตำรวจ กว่าจะออกหมายคนหรือดำเนินการอะไรก็ช้าไม่ทันต่อการทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ การให้อำนาจที่เด็ดขาดก็ถือว่าเป็นการติดดาบให้ กกต. ถ้าใช้อำนาจอย่างเป็นธรรมตนก็ว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ควรระบุด้วยว่าการใช้อำนาจส่วนนี้ต้องตรวจสอบได้ ถ้าเกิดมีฝ่ายการเมือง หรือใครก็ตามพบว่า กกต.ใช้อำนาจไปกลั่นแกล้งใคร ทาง กกต.ก็ต้องได้รับโทษสูงใกล้เคียงกับผู้กระทำผิดด้วย เพราะอำนาจมาพร้อมกับความรับผิดชอบ
ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเสริมว่าจะพิจารณาอย่างไรโดยส่วนตัวไม่ขัดข้องหรือจะให้มีอำนาจมากกว่านี้ก็ไม่เป็นไร เพราะตั้งแต่เป็น ส.ส.ในเขตหนองแขม บางแค ภาษีเจริญก็ไม่เคยทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเลยแม้แต่ข้อเดียว การที่จะเพิ่มอำนาจให้ กกต.มีอำนาจเทียบเท่าศาลนั้นพึงพิจารณาให้รอบคอบ ว่าบุคคลากรเท่าที่มีอยู่นั้นมีดุลยธรรมมากน้อยเพียงใด เพียงพอหรือไม่ กกต.จังหวัดหรือ กกต.ทั่วไปมีมาตรฐานเพียงพอเทียบเท่ากกต.ใหญ่ทั้งห้าท่านแล้วหรือ การให้อำนาจมากถึงเพียงนี้ เกรงว่าจะเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ และควรให้ศาลเป็นผู้พิจารณาจะดีกว่า เพียงแต่ให้กระบวนการการพิจารณาให้รวดเร็วฉับไวขึ้นเท่านั้นเอง
“เสียงครหา กกต.จังหวัดและ กกต.ฝ่ายสืบสวนดังหนาหูมากจึงเห็นควรให้ ปปง.และ ป.ป.ท.ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินทรัพย์สินย้อนหลังกกต.ทุกคนไม่มีละเว้นรวมถึง กกต.ใหญ่ทั้งหมด แม้แต่ กกต.ที่เกษียณไปแล้ว เพื่อลบข้อครหาต่างๆ ให้หมดสิ้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์กรให้โปร่งใส ข้าราชการ กกต.ที่สุจริตก็ไม่ต้องไปเกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น และกรณีการคุ้มครองพยาน จะให้หน่วยงานคุ้มครองพยานในคดีอาญามาคุ้มครองพยานในคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งด้วย ถามว่าจะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือหน่วยงานคุ้มครองพยานให้มีความปลอดภัยได้อย่างไรในยุคนี้ ขนาดอยู่ในการคุ้มครองอย่างดี ติดแอร์มีกล้องวงจรปิดตลอดของดีเอสไอก็ยังกลายเป็นศพได้ นี่ไม่ต้องนับถึงพยานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” นายวัชระกล่าว
ส่วนกรณีสินบนนำจับผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตเลือกตั้ง ถ้าเป็นเลือกตั้ง ส.ส., ส.ว., ผู้บริหารท้องถิ่น จำนวนตั้งแต่ 5 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาทนั้น นายวัชระกล่าวว่า ถามว่าชีวิตของพลเมืองดีมีราคาแค่แสนเดียวหรือ ใครจะกล้าถ้าสินบนเพียงเล็กน้อยเท่านี้ คนที่เคยแจ้งเบาะแสการทุจริตการเลือกตั้งกับหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งก็ถูกยิงตายมาแล้วจำได้หรือไม่ กกต.ใหญ่ทั้งห้าท่านก็เป็นผู้ใหญ่กันทุกท่าน สิ่งใดที่เป็นความลับในที่ประชุมก็ควรรักษาไว้ให้ได้ก่อน ขนาดความลับในที่ประชุม 5 คน ยังรักษาไม่ได้ก็เป็นการยากที่จะติดดาบให้ กกต.ทั่วไป เพราะเป็นที่รวมของแม่น้ำร้อยสาย โดยเฉพาะในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร