xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” เปิดเกมรุกใหม่ล้างโกง-เก็บ ม.44 ใส่ลิ้นชักดัน ทุกคดีขึ้นศาล!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

“เรื่องทุจริตเป็นกับดักที่สำคัญของประเทศ ทำให้ประเทศก้าวหน้าไปได้ช้า เกิดความขัดแย้ง แตกแยก สังคมมีปัญหาไปทั้งหมด ไม่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ วันนี้เราต้องดูเดินหน้าประเทศไปอย่างไร เราแก้ปัญหามา 40 ปี แต่ยังเหมือนเดิม ต้องหาวิธีใหม่ให้การแก้ปัญหามีผลสัมฤทธิ์ รัฐบาลนี้ทำทุกอย่าง การแก้ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่อยู่ในนโยบายของรัฐบาล ประเทศประสบปัญหานี้มานาน และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึง 22 พ.ค. 57 เป็นหน้าที่ที่เราต้องแก้ไข ไม่ได้เข้ามาเพื่อจับผิดใคร หรือแกล้งใครอย่างที่ถูกกล่าวหา กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย”

“สำหรับโรดแมปในระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการส่งมอบงาน การทุจริตต้องน้อยลง หรือไม่มีเลย ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาทุจริตอย่างเดียว รวมถึงกระบวนการ ภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วมได้ เรื่องของการทุจริตทุกอย่างต้องปล่อยให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม”

“และต่อไปก็จะไม่มีมาตรา 44 แล้ว การแก้ไขปัญหาต้องอยู่บนกฎหมายสากล และบนความร่วมมือของประชารัฐ การแก้ไขปัญหาโดยใช้กฎหมายจะไม่มีวันจบ ต้องแก้ไขปัญหาอย่างอื่นด้วย เช่น การแก้ไขปัญหาความยากจน ลดการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ความไม่พอเพียง และการศึกษา ถ้าคนรวยนั่งรถหรูเห็นคนยากจนนั่งอยู่ข้างถนนแล้วยังรู้สึกว่าตัวเองสบายดี มันก็ไม่มีวันแก้ปัญหาได้ ทุกอย่างเป็นห่วงโซ่ ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม ต่างประเทศ ปัญหามันทับซ้อนกันอยู่ เวลานี้มีคนมาร้องเรียนว่าเรื่องของการอำนวยความสะดวกยังมีการเก็บสตางค์ กำลังให้สอบอยู่ ถ้าพบว่ามีความผิด มีโทษไล่ออกอย่างเดียว”

“ปัญหาการแก้ทุจริตต้องทำตั้งแต่วันนี้ ซึ่งอยู่ในแผนการปฏิรูป 20 ปีของรัฐบาล และอีก 20 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะปราศจากทุจริต หากทุกฝ่ายร่วมกัน และประชาชนให้กำลังใจให้คนดีเข้ามาทำงาน ส่วนการใช้กฎหมายนั้นรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังกดประชาชน ไม่ได้ให้เชื่อฟัง แต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้น ทุกคนควรต้องรู้เท่าทัน จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ แต่ต้องให้เวลารัฐบาลในการแก้ไขเพราะปัญหาสะสมมานาน บางคดีเมื่อศาลตัดสินแล้วควรเคารพกระบวนการยุติธรรม อย่าทำตัวเหมือนบางคนที่ไม่ยอมรับการตัดสินและเห็นด้วยต่อเมื่อศาลตัดสินเข้าข้างตัวเอง การแก้ทุจริตต้องทำทั้งระบบและต่อเนื่อง มิเช่นนั้นประเทศจะเสื่อมถอย กลายเป็นรัฐล้มเหลว”

คำพูดดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวระหว่างร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชันแห่งชาติ ปี 2559 ได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการกวาดล้างคอร์รัปชัน ประกาศเป็นวาระแห่งชาติว่าต้องทำให้สำเร็จก่อนที่เขาจะลงจากอำนาจ

แน่นอนว่าหากพูดถึงเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันนับเป็นเรื่องแรกๆ ที่ชาวบ้านเกลียดกลัวที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่ประเทศไทยติดอันดับโลกในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ดี หากใครก็ตามหรือผู้นำคนใดก็ตามที่ประวัติในเรื่องการปราบปรามการทุจริต หรือมือสะอาดก็จะได่รับการชื่นชมเชิดชูกันไปตลอด ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นกันดีอยู่แล้ว

สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ว่าจะเข้ามาด้วยเส้นทาง “พิเศษ” มีสถานะเป็นผู้นำเผด็จการเต็มรูปแบบ แต่ก็เป็นเรื่องแปลกเช่นเดียวกันที่ในระยะเวลาผ่านมากว่าสองปียังไม่มีเรื่องอื้อฉาวทำลายความศรัทธาลงไปได้ ตรงกันข้าม พิจารณาจากผลสำรวจล่าสุดล้วนออกมาตรงกันว่าเขายังได้รับความนิยมสูง และเมื่อเทียบกับอดีตผู้นำคนอื่นก็นำห่างแบบไม่เห็นฝุ่น

เมื่อพิจารณาในรายละเอียดจากผลสำรวจดังกล่าวมันอาจสะท้อนความรู้สึกในใจของคนไทยมานานที่ชอบในเรื่องของความเด็ดขาด ความเป็นผู้นำ สร้างความสงบเรียบร้อย ไม่เกิดความวุ่นวาย และที่สำคัญได้เห็นความเอาจริงเอาจังในเรื่องการปราบปรามทุจริต

ดังนั้น การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศกวาดล้างคอร์รัปชันรวมไปถึงการป้องปราม สร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายรองรับอนาคตมันก็ยิ่งได้ใจชาวบ้าน

ขณะเดียวกัน อีกทางหนึ่งในคำพูดเดียวกันการที่เขาประกาศว่าจะนำทุกคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาล ใช้กฎหมายตามหลักสากล จะไม่ใช้กฎหมายพิเศษอย่างมาตรา 44 อีกแล้ว ซึ่งวิธีการแบบนี้สามารถมองได้หลายแบบในคราวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแก้ปัญหาในเรื่องความแตกแยก ความขัดแย้งในบ้านเมืองที่คาราคาซังมานาน เพราะทุกคดีต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ ให้ศาลยุติธรรมเป็นผู้ขาดตามพยานหลักฐานผิดถูกว่ากันไป เพราะหากใช้มาตรา 44 แม้ว่าจะมีความรวดเร็ว แต่ก็อาจถูกนำไปบิดเบือนว่าถูกกลั่นแกล้งหรือมีแรงจูงใจทางการเมือง

“กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย เมื่อศาลตัดสินแล้วควรเคารพกระบวนการยุติธรรม อย่าทำตัวเหมือนบางคนที่ไม่ยอมรับการตัดสินและเห็นด้วยต่อเมื่อศาลตัดสินเข้าข้างตัวเอง” คำพูดดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมสะท้อนความหมายได้ดี และหมายถึงใคร แม้ว่าจะไม่เอ่ยชื่อ และรับรองว่าสำหรับคนที่ติดตามการเมืองมานานย่อมเข้าใจดีว่าย่อมหมายถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่หลบหนีคำพิพากษาของศาลและไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมในประเทศ

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากหลายคดีที่มีความคืบหน้า มีการฟ้องร้อง มีการดำเนินคดีในชั้นศาล บางคดีมีการตัดสินกันไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยย้ำออกมาแล้วว่าจะผลักดันให้มีการดำเนินคดีภายในปี 59 หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปีหน้า ซึ่งหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของศาลจะตัดสิน ทุกอย่างจะเป็นไปตามครรลองบิดเบือนได้ยาก อีกทั้งการให้ศาลชี้ขาดถือว่าเป็นการยุติปัญหาได้ดีที่สุด และนี่อาจเป็นที่มาของคำว่า “ทุกคนต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม”

ใครที่ไม่เคารพก็ต้องถือว่าเป็นพวกนอกคอก ต้องออกนอกเส้นทาง แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาและตรวจนับกันดูก็จะพบว่ามีแต่พวกของ ทักษิณ ชินวัตร แทบทั้งสิ้นที่โดนและกำลังงวดเข้ามาทุกขณะ อีกด้านหนึ่งหากมองในเชิงการเมืองแบบโหดๆมันก็มองได้เหมือนกันว่านี่คือการใช้กระบวนการยุติธรรมกวาดพวกขาป่วนออกไปให้พ้นทางแบบเนียนๆ

และที่สำคัญยังสามารถมัดใจชาวบ้านในฐานะมือปราบคอร์รัปชันให้เป็นที่จดจำอีกด้วย ซึ่งเป็นผลดีหากจะมี “เกมยาว” ในอนาคตอีกด้วย!
กำลังโหลดความคิดเห็น