รองหัวหน้า ปชป.ระบุแนวคิดใช้การเลือกตั้งแบบญี่ปุ่น งดเวทีปราศรัย ห้ามหาเสียง นักการเมืองหน้าใหม่จะเสียเปรียบ เพราะไม่คุ้นหน้าเหมือนนักการเมืองเก่า ชี้ใช้แนวทางทำประชามติที่ใช้วิธีสื่อสารด้านเดียว เป็นรูปแบบในการเลือกตั้งไม่ได้เพราะมีความแตกต่างกัน
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปีตย์ กล่าวถึงข้อเสนอการหาเสียงเลือกตั้งแบบญี่ปุ่นโมเดลของนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า รับได้หมดทุกรูปแบบทั้งการเลือกตั้งแบบอเมริกา เยอรมนี หรือญี่ปุ่น แต่การที่เราจะเอาโมเดลอะไรมาก็ตามนั้นสิ่งสำคัญคือต้องดูบริบทการเมืองของประเทศไทยด้วย เพราะระบบประชาธิปไตยของไทยต่างกับประเทศอื่นๆ ถ้าเราจะเอารูปแบบการหาเสียงแบบญี่ปุ่นมา จะต้องปรับแก้ระบบอีกหลายอย่างให้สอดคล้อง
“ในฐานะที่ผมเป็นนักการเมืองเก่าของพรรคใหญ่ เห็นว่าการหาเสียงเลือกตั้งแบบญี่ปุ่นที่จะให้งดเวทีปราศรัย นักการเมืองหน้าใหม่จะเสียเปรียบ แต่นักการเมืองหน้าเก่าจะไม่มีปัญหา เพราะถ้าเรารณรงค์หาเสียงไม่ได้ แต่จะใช้วิธีให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งรูปและประวัติผู้สมัครไปตามครัวเรือนต่างๆ แบบนี้นักการเมืองเก่าคงไม่มีปัญหา เพราะคนในพื้นที่จะคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว แต่นักการเมืองที่เข้ามาใหม่ ใครจะรู้จัก ถามว่าแบบนี้ประชาชนจะเลือกหรือไม่ อยากให้ลองคิดดู ด้วยเหตุนี้พรรคการเมืองจึงต้องมีเวทีปราศรัย เพื่อเป็นพื้นที่ให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้แนะนำตัว ประวัติ วิสัยทัศน์ การทำงาน แต่ถ้าท่านจะห้ามปราศรัย ผมว่าคนรุ่นเก่าไม่มีปัญหาแน่นอน”
ส่วนที่นายไพบูลย์มีการเสนอให้ถอดบทเรียนจากการทำประชามติเพื่อเป็นรูปแบบการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า รูปแบบการทำประชามติที่ผ่านมาเป็นการสื่อสารทางเดียว คือ รัฐผู้มีอำนาจดำเนินการสื่อสาร ใครที่เห็นต่างก็ถูกดำเนินคดีหมด แต่คนที่เห็นด้วยกลับพูดได้ทุกอย่าง ตนอยากให้มองว่า กระบวนการทำประชามติแตกต่างจากการหาเสียงเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งผู้เล่นคือนักการเมือง ถ้าไม่มีการหาเสียง ปราศรัย ชาวบ้านจะตรวจสอบลำบาก นักการเมืองเปรียบเสมือนคนที่จะต้องแก้ผ้าต่อหน้าประชาชน ต้องเปิดทุกอย่างให้หมดเปลือกตั้งแต่วันปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ของตัวเองแล้ว
