“ประยุทธ์” ถกบีโอไอ แนะลงทุนเชื่อมโยง ตปท. เอกชนและในพื้นที่จะไร้ความขัดแย้ง ย้อนนักการเมืองโจมตี ศก. รอบบ้านก็ไม่ดีเช่นกัน ขอ ปชช.อย่าหลงเชื่อ ฝากสื่อแจง ชี้คืนชีพเอนทรานซ์ต้องหารือ ดูต้นตอปัญหา แย้มปรับ ครม. เพิ่ม รมช. ก.เกษตรฯ อยู่ในข่าย ยันมีผลงานทุกกระทรวง ทุจริตสอบหมด เผยมีวิ่งเต้นนั่ง สนช.แต่ไม่ให้อยู่แล้ว ชี้สุขภาพไม่ไหวก็ลาออกเอง ย้ำเปลี่ยนผ่านภาพเสรีภาพต้องลดบ้าง แนะสื่อถามนักเลือกตั้งจะทำอะไร ไม่สมัครก็ไม่ง้อ
วันนี้ (29 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่าวันนี้เป็นการประชุมเรื่องการลงทุนและมีการรายงานช่วงระยะเวลาของไตรมาสเปรียบเทียบกับของปีที่แล้วกับปีนี้ซึ่งต้องทำความเข้าใจในการลงทุนว่าจะต้องมีการลงทุนทุกๆ 3 เดือน และจะมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นช่วงจังหวะของการลงทุนต่างประเทศว่าในช่วงใดที่แต่ละประเทศมีนโยบายอย่างไร การเมือง เศรษฐกิจ ความมีเสถียรภาพของแต่ละประเทศที่เขาลงทุนเป็นอย่างไร เราจะต้องใช้เวลาในการวางแผนและเตรียมการ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตั้งรับเขาได้มากแค่ไหน สิ่งที่ตนได้ให้แนวทางไปคือเราต้องการลงทุนจากต่างประเทศ และการลงทุนจากภาคธุรกิจเอกชนของคนไทย และการลงทุนภาคเอกชนในพื้นที่ถ้าเราสร้าง 3 อย่างนี้ให้เชื่อมโยงกันได้ก็จะไม่มีปัญหาความขัดแย้ง อาทิ ในภาคใต้ตนอยากเร่งส่งเสริมธุรกิจในพื้นที่ที่มีอยู่แล้วให้เขามีการลงทุนเพิ่ม โดยการลงทุนจากภายนอกที่ไม่ขัดแย้งกับภายในพื้นที่ ทั้งหมดคือความมีเสถียรภาพทางการเมืองและความมั่นคงที่พันกันทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนอยากให้เข้าใจว่าระบบเศรษฐกิจมีหลายอย่าง ทั้งเศรษฐกิจการค้าการลงทุน ภาคการค้าอุตสาหกรรม การส่งออก-นำเข้า เกี่ยวข้องกันไปหมด มันถึงจะไปเป็นเศรษฐกิจระดับรากแก้วข้างล่างว่าจะทำอย่างไรให้มีเงินมากขึ้นซึ่งไม่มีทางที่จะมากขึ้นได้หากไม่เปิดรูเหล่านี้ไว้ทั้งหมด เราต้องเปิดเชื่อมโยงกับต่างประเทศ
“วันนี้ก็ถูกนักการเมืองออกมาโจมตีหลายคนว่าเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น ก็รอบบ้านไม่ดีขึ้นเหมือนกัน เราจะดีประเทศเดียวได้อย่างไร มาบอกว่าการส่งออกลดลง ก็ลดลงสิ เรามีอะไรที่ใหม่ๆ เอาไปขายเขาไหมล่ะ มันก็ไม่มีอีก และการลงทุนนี้มันเกิดขึ้นมากี่ปีแล้ว การเตรียมการและเตรียมความพร้อมเราทำกันหรือยัง ก็มาทำในสมัยรัฐบาลนี้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่าไปพูด และอย่าไปเชื่อเขา ผมไม่อยากให้ประชาชนสับสน และไม่อยากกล่าวถึงใครอยู่แล้ว แต่ถ้าพูดเมื่อไหร่ที่โยงกับสิ่งที่รัฐบาลทำและมันไม่ตรงผมก็ต้องชี้แจง” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ขอฝากไว้ด้วยว่าการเข้ามาทำงานของรัฐบาลไม่ใช่ว่าทำแล้วได้เงินเพิ่มทีเดียว ในเมื่อโครงสร้างยังไม่พร้อม ไม่มีแผนมาตรการรองรับแล้วจะทำได้อย่างไรในเวลาอันสั้น มันทำไม่ได้ เช่น ภาคการเกษตรในบางพื้นที่เช่นการเปลี่ยนการปลูกพืชในพื้นที่มีบางส่วนเท่านั้นที่รวยขึ้น ตรงนี้ฝากให้ช่วยชี้แจงด้วย อย่าไปจับแต่ตรงที่แย่อยู่แล้ว มันก็ยังแย่อยู่เพราะน้ำไม่มี อะไรก็ไม่มี ข้อสำคัญคือไม่เข้าใจแล้วไม่ทำอะไร สุดท้ายมาบอกว่าแย่ เราต้องฟังและไปดูว่าจะร่วมมือกันได้มากแค่ไหน รัฐบาลจะได้ช่วยถูก ไม่ใช่ว่าไม่ร่วมมือแล้วต้องการรายได้เพิ่มแล้วมาโจมตีรัฐบาลว่าไปลงทุนอะไรเสียหาย เอาเงินมาให้เกษตรกรดีกว่า ตนขอถามว่าประเทศจะไปได้หรือไม่ เราจะต้องไปด้วยกันทั้งหมด ขอฝากสื่อด้วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีแนวคิดจะนำระบบเอนทรานซ์กลับมาใช้ว่า “เรื่องระบบระบบเอนทรานซ์ สื่อเพิ่งพูดไป ผมยังไม่รู้เรื่องเลย เขากำลังหารือกันอยู่ว่าจะกลับมาได้หรือไม่ ที่ผ่านมาก็ยุ่งกันไปหมด ระบบนี้ระบบโน้น เก็บสะสมคะแนนกันไป บางคนบอกว่าระบบเอนทรานซ์ก็ดีเขาก็กำลังหารือกันอยู่ ผมเห็นจากสื่อเมื่อเช้ามีการหารือกันว่าอาจจะนำกลับมาใช้ ทุกอย่างต้องหารือกันหมด มันทำมาแล้วกี่ปีล่ะ เรื่องเหล่านี้มีมากี่ปีแล้ว แล้วใครทำล่ะ ในการบริหารราชการแผ่นดินเขาอาจจะเห็นว่าเหมาะสม เขายกเรื่องอันนี้ไปเป็นอันนี้ วันนี้ก็กลับมาดูใหม่ว่าปัญหาอยู่ตรงไหนและจะแก้ด้วยวิธีไหนให้ถูกทาง ติดกระดุมเสื้อให้ถูกตั้งแต่ต้น บางคนบอกผมติดกระดุมเสื้อผิดก็อันเดิมมันติดผิดอยู่ ผมก็ติดให้มันถูก แต่ผมเป็นช่างตัดเสื้อที่ไม่มีใครมาจ้างผม ผมจ้างตัวเองมาแก้ไข”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงแนวคิดการปรับคณะรัฐมนตรีว่า ตนมีแนวคิดและเตรียมการปรับไว้ให้อยู่แล้ว ตั้งใจที่จะเพิ่ม โดยตั้งไว้ว่ากระทรวงไหนควรจะมีรัฐมนตรีช่วย แต่วันนี้ยังไม่ได้ตั้ง เพราะยังไม่พร้อม ยังทำงานได้ ก็เก็บไว้ก่อน ไม่ใช่ตั้งวันนี้แล้วพรุ่งนี้ทำงานได้ ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต้องใช้เวลา วันนี้เขาทำงานอยู่แล้ว เก็บไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงใดที่ต้องการตั้งเพิ่ม นายกฯ กล่าวว่า เขามีอยู่แล้ว อยากจะรู้ทำไม และยอมรับว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ในข่ายที่จะต้องเพิ่ม แต่วันนี้ รมว.เกษตรและสหกรณ์ก็ทำงานได้ดีอยู่ กระทรวงไหนไม่มีผลงาน สื่อลองบอกมา ตนจะได้เล่าให้ฟังว่ามีผลงานอะไรบ้าง 19 กระทรวงมีผลงานทุกกระทรวง สื่อจับเล็กๆ น้อยๆ ฟังใครบ่นแล้วพูดมาก็นำไปเขียน
“ผมไว้ใจรัฐมนตรีทุกกระทรวง ใครจะโกง ทุจริตตรงไหนไปหามา ผมสอบหมดไม่มีละเว้นทุกคน ไม่ว่าจะคดีนอมินี คดีอะไรทั้งหมด จะใช้กฎหมายหมด ใครใหญ่มาจากไหนผมก็ทำ วันนี้ผมดูว่ารัฐมนตรีแต่ละกระทรวงทำงานหรือเปล่า และผมก็ฟังประชาชนเขาว่าอย่างไร พอใจไหม กระทรวงเกษตรฯ อันไหนว่าอย่างไร ไม่ใช่ฟังไอ้พวกขี้ประติ๋วพูดผ่านทีวีผ่านสื่อ ผมไม่ฟัง เข้าใจหรือยัง เดี๋ยวพรุ่งนี้สื่อก็ไปพาดว่าขี้ประติ๋วใช่ไหม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการตั้งเพิ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่าเดี๋ยวจะมีการตั้งคณะทำงานและเสนอมา จะให้ตนยุ่งทุกเรื่องเลยหรือ เวลานี้วิ่งเต้นกันเยอะแยะ ตนไม่ให้อยู่แล้ว ไม่มีวิ่งเต้น บอกแล้วไม่ต้องมาขอ และก็ไม่มีใครมาขอกับตน ส่วนสนช.ที่ยังอยู่เดิม ในรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนว่าอายุ 60 ปีแล้วต้องลาออก แต่หากท่านใดสุขภาพไม่ไหวเขาคงลาออกเอง ยอมรับว่าหลายท่านทำงานหนัก มีทั้งเสียชีวิต ป่วยไข้ ทุกคนเขาทำงาน อย่าคิดว่าไม่ทำ สื่อลองเทียบเอาแล้วกันว่าวันนี้กับวันที่แล้วผลงานต่างกันหรือไม่ อย่าเอามาเปรียบเทียบนี่โน่นมันไม่ใช่ วันนี้มันยุคเปลี่ยนผ่าน ก็ต้องมีไม่ปกติบ้าง สิทธิเสรีภาพต้องลดลงไปบ้าง มันต้องแก้ไข ถ้ามันดีอยู่แล้วจะไปแก้ทำไมให้วุ่นวาย ทุกอย่างถ้าแก้ไขต้องมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงมันแก้อะไรไม่ได้ ปฏิรูปอะไรไม่ได้เลย ถ้าทุกอย่างกติกายังเสรีไปหมด ก็คงไม่ต้องทำเสียเวลาเปล่า
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า วันนี้คนไหนที่ต้องการจะแก้ไขปัญหาประเทศ ใครจะเป็นนักการเมือง ใครจะเป็นนายกฯ จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ได้ชี้แจงตัวเองหรือยังว่าจะทำอะไร สื่อต้องไปถามตรงนั้น อย่ามาถามเรื่องนายกฯคนในคนนอก ต้องไปถามว่าถ้ารับสมัครเลือกตั้งแล้วได้เป็น ส.ส.จะทำอะไร หรือเป็นรัฐบาลแล้วจะทำอะไรบ้าง จะปฏิรูปประเทศอย่างไร ปฏิรูปตำรวจอย่างไร สิ่งที่สื่อถามมาก็ขอให้กลับไปถามคนเหล่านั้น
“ผมถามวันนี้กับพวกที่มาว่าผม ขอถามแบบนี้กลับไป โดยที่ผมจะไม่ตอบโต้กับท่าน แค่ถามว่าท่านจะทำอะไร อย่ามาบอกว่าจะไม่สมัคร ไม่สมัครก็อย่าสมัคร ไม่ใครไปง้อเล่า สมัครจะได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย” นายกฯ กล่าว