นายกฯ เปิดให้คณะนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์เข้าเยี่ยมคาราวะ พร้อมให้โอวาทขอให้สร้างความสุขให้คนไทย ไม่ว่าจะได้เหรียญหรือไม่ขอให้ทำเต็มที่ เล็งปรับให้คนพิการมีส่วนร่วมในสังคมมากขึ้น ย้ำสถานการณ์ไทยสงบแล้ว เปรียบตัวเองเล่นกีฬาบริหารชาติ แข่งกับเวลา ต้องเรียนรู้อยู่ด้วยกัน เคารพกติกา ย้อนใครจะไม่ร่วมมือก็ปล่อยไป แต่อย่าทำผิด กม.
วันนี้ (19 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล คณะนักกีฬาคนพิการและทีมงานตัวแทนทีมชาติไทย จำนวน 84 คน เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนออกเดินทางไปแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 15 กรุงริโอ เดอจาเนโร สหพันธสาธารณรัฐบราซิล ระหว่างวันที่ 30 ส.ค. - 22 ก.ย.โดยนายกฯ ให้โอวาทตอนหนึ่งว่า คนไทยทุกคนขอแสดงความยินดีอย่างหมดหัวใจที่ทุกคนได้รับเป็นตัวแทนประเทศไทย และขอให้สร้างความสุขให้คนไทยต่อ ช่วยกันสร้างความสำเร็จ และไม่ว่าเหรียญอะไรมีคุณค่าทั้งสิ้น และเชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจ ไม่ว่าจะได้เหรียญหรือไม่ได้เหรียญขอให้ทำอย่างเต็มที่ ถึงแม้ประเทศไทยมีปัญหาอยู่บ้าง แต่เราเป็นประเทศที่อดีตมีความสง่างาม เป็นประเทศเดียวที่ไม่มีอาณานิคม มีความเป็นไทย และอัตลักษณ์ที่งดงาม วันนี้ต้องนำกลับมาให้ได้ การแข่งขันกีฬาสำหรับประเทศไทยนั้นตนถือเป็นหน้าที่ พวกเราทุกคนเหมือนทูตวัฒนธรรมที่ต้องไปสร้างความเข้าใจ
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้คนเล่นกีฬามากขึ้น ขอให้ดูเพื่อความสนุกสนาน ไม่ควรเล่นการพนัน นำมาเป็นความขัดแย้ง รัฐบาลพร้อมสนับสนุนรางวัลอย่างเต็มที่ ถ้าได้เหรียญรางวัลก็มาพบกันอีกที ดูแลตามกติกา และต่อไปจะปรับในเรื่องการให้คนพิการให้เข้ามามีส่วนร่วมในสังคมมากขึ้น ทั้งเรื่องการหางานให้ หรือบรรจุคนพิการในส่วนราชการซึ่งจะเดินหน้าให้เกิดทั้งระบบ ตนจะรอดูทุกคนประสบความสำเร็จไม่มากก็น้อย ซึ่งการได้เหรียญมาว่ายากแล้ว แต่การรักษาตำแหน่งไว้มันยากกว่า แต่ไม่ใช่กดดันตัวเองว่าต้องได้เหรียญ เพราะจะทำให้ขีดความสามารถของเราลดลง เราต้องมองข้างหน้า ข้างหลังเก็บไว้ก่อน มุ่งมั่นเอาชนะไปเรื่อยๆ ภายใต้กติกา หากเขาตัดสินไม่ดี เป็นเรื่องกลไกของเราที่ต้องว่าอยู่แล้ว แต่นักกีฬาไม่ต้องไปแสดงอาการอะไรทั้งสิ้น เพราะผู้ที่เจริญแล้วต้องเป็นอย่างนั้น ซึ่งทุกอย่างไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากสำหรับทุกคน
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวตอนหนึ่งระหว่างการให้โอวาทว่า หลายคนอาจจะถามสถานการณ์ประเทศไทยเป็นอย่างไร สงบหรือหรือยัง ตนตอบได้เลยว่าสงบแล้ว เพราะในช่วงที่ผ่านมา 2 ปี ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาจมีคนไม่ดีอยู่บ้างก็ค่อยๆว่าไป เราอย่าไปพูดในสิ่งที่ประเทศไทยเสียหายออกไปข้างนอก อยู่ที่ท่านทุกคนต้องเข้าใจในการทำงานของเรา “เขามองผมอย่างเดียวว่า เข้ามาไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่ผมทำให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้นให้ได้จริงๆ ในอนาคต เป็นหน้าที่ของผม”
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ทุกประเทศรู้อยู่แล้วว่าประเทศไทยเป็นอย่างไร เหลืออย่างเดียวคือความสงบสุขของบ้านเมือง ความมีเสถียรภาพของรัฐบาล และสร้างความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
“นี่คือสิ่งที่เราพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ขณะเดียวกันก็มีคำทำลายเราอยู่ก็ไปหาเอาว่าใคร ได้แล้วก็มาบอกด้วยแล้วกัน เราพยายามอย่างเต็มที่อยู่ ตอนนี้ผมเล่นกีฬาอยู่เยอะ กีฬาบริหารบ้านเมือง นี้แหละกีฬาหนักผมเลย แข่งกับเวลา แข่งกับอะไรหลายๆ อย่าง แต่ผมก็ไม่ท้อแท้ ต้องนำประเทศชาติไปสู่การเป็นประเทศที่ปลอดภัย นั้นแหละคือชัยชนะของประเทศชาติ” นายกฯ กล่าว และว่า ฉะนั้นเราต้องเรียนรู้อยู่ร่วมกัน เคารพกติกา มีน้ำใจ มีระเบียบวินัย รักกันและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า คนหากรวมกันได้ในประเทศไทย ถ้าเรารวมได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในเรื่องที่เป็นประโยชน์ มากกว่าเรื่องไม่เป็นประโยชน์ ก็จะไม่ปะปนกัน ไม่วุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตนจะไปบังคับใครได้ ไม่บังคับ เพราะจิตใจแต่ละคน คิดต่างได้ ไม่เห็นเหมือนกันได้ แต่ต้องหาอะไรที่ทำร่วมกันได้ เพื่อให้ประเทศชาติปลอดภัย เดินหน้าไปข้างหน้าได้ แบบนั้นดีกว่า ถ้าเอาทั้งหมดมาขัดแย้งกัน มันไปไม่ได้ เริ่มต้นมันก็ทำไม่ได้แล้ว ไม่เห็นด้วย ก็ไม่ฟัง ไม่ประชุม ไม่ร่วมมือ ก็ไปต่อต้านข้างนอก มันเดินไม่ได้ทั้งหมด ตนก็พยายามเปิดช่องทางทุกอัน แต่เขาไม่มาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร บังคับก็ไม่ได้อีก ก็ปล่อยเขาแล้วแต่เขา “แล้วแต่คุณพ่อท่านก็แล้วกัน ใครที่ไม่ร่วมมือก็ปล่อยเขาไป อย่าทำผิดกฎหมาย วันนี้ถือว่าเป็นการคุยกับทุกคนก็แล้วกัน อย่าถือว่าผมเป็นนายกฯ เลย ผมไม่อยากเป็นเท่าไหร่หรอก เป็นนายกฯ แล้วปวดหัว แต่ก็ต้องเป็น”