“ประยุทธ์” ให้โอวาทเยาวชนไทยในสหรัฐ ย้ำสายสัมพันธ์ตัดขาดกันไม่ได้ ขอให้ภูมิใจความเป็นไทยเคารพ 3 สถาบันหลัก ยันก้าวสู่ ปชต.โดยเร็ว ขอให้รวมกันวางรากฐานโลก ยกถือว่าเป็นทูตวัฒนธรรม คนรุ่นใหม่ต้องสืบสานความสัมพันธ์ แจง รบ.มุ่งพัฒนาทุกด้าน ต่อยอดไป 20 ปี เลิกขัดแย้งเขตเส้นแดน-ปชต. ไม่คิดถึงแต่ตัวเอง ขอ ตปท.อย่าร่วมกันทะเลาะภายใน ย้ำมะกันคงเป็นเพื่อนกัน หยอดรักอเมริกา
วันนี้ (13 ก.ค.) ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวให้โอวาทแก่คณะเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกาโครงการมรดกไทยคืนถิ่น ครั้งที่ 6 และคณะเยาวชนไทยในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐอเมริกาเยือนถิ่น ครั้งที่ 1 ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ และเดินทางมาทัศนศึกษาที่ประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า ตนมีความยินดีที่ได้ต้อนรับเยาวชนที่มีสายเลือดคนไทย ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีมา 183 ปี สายสัมพันธ์นี้ไม่สามารถตัดขาดกันได้ โดยเฉพาะพวกเราคนไทยด้วยกันเอง การมาเยือนแผ่นดินแม่ในวันนี้ขอให้ทุกคนภาคภูมิใจว่าอย่างน้อยทุกคนก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย แผ่นดินนี้ทุกคนมีสิทธิที่จะเดินอย่างเต็มภาคภูมิเพราะทุกคนมีสายเลือดของความเป็นไทย วันนี้รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ถึงแม้เราจะเป็นรัฐบาลที่มาในลักษณะอย่างนี้ แต่ยืนยันว่าที่จะก้าวไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยในอนาคตโดยเร็วที่สุด ในระยะเวลาอันใกล้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งเรื่องการเป็นประชาธิปไตย คือการมีจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมของการเป็นคนไทย และสหรัฐฯ
นายกฯ กล่าวว่า เราทุกคนต้องมาร่วมมือกันวางรากฐานของโลกใบนี้ ตนไม่ได้มองแค่ประเทศไทย หรือสหรัฐฯ แต่มองว่าทุกคนต้องการให้โลกใบนี้เป็นอย่างไร ทุกคนต้องการความสงบสุข เป็นโลกที่มีความเป็นพี่น้อง และร่วมมือกันรักษาทรัพยากรให้กับคนรุ่นหลัง รัฐบาลไทยกำลังเร่งดำเนินการในเรื่องดังกล่าว สิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือกัน สำหรับคนไทยแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นคนไทยก็ยังให้ความสำคัญต่อ 3 สถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เสมอมา
“ทุกคนถือเป็นทูตวัฒนธรรมที่จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น และต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมา การจะทำอะไรในวันข้างหน้า จะต้องดูถึงการทำงานที่ผ่านมา ถ้าเราลืมสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปมันจะไปไม่ได้ทั้งหมด แล้วจะเกิดความขัดแย้งต่อไปในอนาคตมากขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะคนรุ่นเก่าจะหายไป ทุกคนมุ่งแต่การพัฒนาประเทศจนบางครั้งก็ลืมความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ผมไม่ได้ต่อว่าสหรัฐฯ เพียงแต่คนรุ่นเก่าหายไปเรื่อยๆ ในฐานะคนรุ่นใหม่จำเป็นต้องสืบสานความสัมพันธ์ต่อไป สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งกับผมว่า ถ้าเราไม่รู้ความเป็นมาของเราว่ามาจากไหน สืบเชื้อสายมาจากใคร เราจะรักประเทศของเราได้อย่างไร เพราะความภาคภูมิใจไม่เกิด ผมดีใจที่วันนี้ลูกหลานคนไทยได้กลับมา ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไร ประเทศไม่ได้เป็นประเทศที่น่ารังเกียจในสายตาชาวโลก แต่เรามีศักยภาพทุกด้านที่กำลังพัฒนา รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศทุกด้าน ทั้งความมั่นคง สังคม จิตวิทยา เศรษฐกิจ เพื่อเดินหน้าสู่โลกยุคใหม่หลังจากที่เราติดกับดักประเทศรายได้ปานกลางมานาน” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่ภาคภูมิใจของคนไทยคือ เราไม่เคยเป็นอานานิคมของใครในโลกใบนี้ และเราก็จะคงไม่เป็นอยู่เช่นเดิม ดังนั้นทุกคนต้องสืบสานวัฒนธรรม และจิตสำนึกในความเป็นไทย ทำอย่างไรให้โลกยอมรับ ทุกประเทศมีจุดมุ่งหมายคือต้องการมีที่ยืนในเวทีประชาคมโลก ถ้าเราไม่มีบทบาทที่แข็งแรง และเข็มแข็งในทุกด้าน ทั้งขีดความสามารถ ความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองก็จะไม่มีที่อยู่บนโลกใบนี้ ไปพูดที่ไหนก็ไม่มีใครฟัง วันนี้เราจึงจำเป็นต้องเร่งการพัฒนาในทุกด้าน เยาวชนวันนี้จึงมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาในอนาคต อีก 20 ปี ข้างหน้าทุกคนจะรู้จักกัน ความขัดแย้งก็จะหายไป ขณะที่ความเข้าใจบางอย่างก็จะหายไปด้วย เพราะความคิดของคนสองประเทศจะไม่เหมือนกัน ความคิดแบบตะวันตก และตะวันออกค่อนข้างแตกต่างกันในขั้นพื้นฐาน แต่ปัจจุบันความสัมพันธ์ของไทย-สหรัฐฯ ไม่มีพรหมแดนขวางกั้นระหว่างกัน
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งต่างๆที่พูดไป เรามองแง่ยุทธศาสตร์ด้วยว่า จะทำให้โลกใบนี้เข้มแข็งได้อย่างไร เลิกทะเลาะเบาะแวง ความขัดแย้งกันเสียที เลิกทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็ด้วยความร่วมมือของเยาวชนรุ่นหลัง ถ้าเราคิดถึงประโยชน์ตัวเองอย่างเดียว มันไปไม่ได้ ก็จะขัดแย้งกันอยู่ร่ำไป เพราะฉะนั้นทุกประเทศในโลกใบนี้ ต้องแสวงหาจุดร่วมกันให้ได้ ความขัดแย้งให้เก็บไว้ข้างๆ ไม่อย่างนั้นเราเดินไปข้างหน้าไม่ได้เลย อยากให้ทุกคนช่วยทำความเข้าใจว่าประเทศไทยเป็นอย่างไรในสายตาทั้งของคนไทยและคนต่างชาติ และกรุณาปรับเข้าหากันให้ได้ว่า วันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่ เพื่อลดความขัดแย้งในโลกใบนี้
“เราจะไม่เอาเรื่องของเส้นเขตแดนมาเป็นเส้นแห่งความขัดแย้ง เราจะไม่เอาคำว่า “ประชาธิปไตย” มาเป็นความขัดแย้ง นี้คือสิ่งที่ผมยึดมั่นอยู่เสมอ แต่ผมไม่ฝืนกระบวนการประชาธิปไตยทั้งสิ้น มีโอกาสไปสหรัฐอเมริกาหลายครั้ง ทุกคนยินให้ความร่วมมือประเทศไทย การเมืองก็ว่าการเมืองไป แต่เรื่องการค้าการลงทุน เศรษฐกิจ ต่างประเทศ เขามองเป็นคนละเรื่องกัน แต่เศรษฐกิจต้องเดินหน้า วันนี้มีการลงทุนมากมายจากต่างประเทศ ถึงแม้ความสัมพันธ์ด้านการเมืองจะไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่บ้าง แต่เขาก็เห็นศักยภาพประเทศไทยที่วันนี้มีอยู่เยอะแยะ โดยที่ผมวางรากฐานเพื่อลูกหลานให้เกิดความภาคภูมิใจ แม้บางอย่างอาจจะรกหูรกตาอยู่บ้าง แต่นั่นแหละคืออาเซียน ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่วันหน้าก็ต้องดีขึ้นเหมือนอเมริกา ที่ 200 ปีมีการพัฒนามา แต่เรายังมีความขัดแย้งอยู่บ้างอยู่พอสมควร ไม่เป็นไรเรามีเพื่อนเป็นสหรัฐฯ
ทั้งนี้ เยาวชนไทยถึงแม้จะเกิดในสังคมต่างประเทศ ถ้าเราตระหนักถึงคุณค่าของความเป็นไทยมันไปได้หมด คนไทยมีน้ำใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส บางเวลาก็ทะเลาะกันบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา จิ๊บจ๊อย เดี๋ยวมันก็ดีกันเอง เพราะฉะนั้น ต่างประเทศ ต่างชาติ ไม่ร่วมกันทะเลาะ ให้กำลังใจไทยให้ยุติให้ได้ และไทย-สหรัฐฯ ต้องพัฒนาไปด้วยกัน ไทยและทุกประเทศต้องแข็งแรงไปด้วยกัน ช่วยกันพยายามทำเพื่อสังคมให้มาก นึกถึงคนอื่น นึกถึงประเทศอื่น นึกถึงโลก แล้วเราจะลืมตัวเอง จะทำให้เราอยู่ในกรอบกติกาของสังคม โดยไม่บิดเบือน และไม่บิดเบือนใคร”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเยาวชนได้ร่วมร้องเพลง “ฉันนี้หรือคือคนไทย” ประพันธ์โดยนางสุดารัตน์ ชาญเลขา ขณะที่นายกฯ ได้กล่าวว่า ขอบคุณทุกคน เสียงปรบมือถือเป็นกำลังใจ เด็กๆ ถือมีสายเลือดเป็นคนไทย เรื่องของความรักไม่มีพรหมแดน ไม่มีเส้นเขตแดน รักกันดีกว่าเกลียดกัน คนไทยพร้อมต้อนรับไม่ว่าเมื่อไหร่ มีโอกาสไปประชุมจะไปเยี่ยม แต่ถ้าไปเที่ยวค่อยไว้ไปอีกที เพราะตนยังไปไม่ได้เพราะการเมืองยังเป็นอย่างนี้อยู่ แต่ตนก็รักอเมริกา รักความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเจริญ และหลายๆ อย่างของเขา เพื่อมาขับเคลื่อนประเทศไทยในเวลานี้ จากนั้นตัวแทนเยาวชนได้มอบของที่ระลึกเป็นชุดชามเบญจรงค์ เสื้อโครงการมรดกไทยคืนถิ่น จากนั้นนายกฯ ได้ร่วมถ่ายรูปเยาวชน และพาชมตึกไทยคู่ฟ้า