“ปลื้ม-ใบตองแห้ง” เซ่นแทน! กสท.สั่งพักงานแลกแบนรายการวอยซ์ทีวี

รองเลขาฯ กสทช.เผยที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ มีมติพักงาน 2 พิธีกร รายการเวกอัพนิวส์ ช่องวอยซ์ทีวี 10 วัน ตามที่สถานีเสนอแลกกับการถูกพักรายการและปรับ 5 หมื่น หลังอนุ กก.กำกับเนื้อหาฯ ชงรายการมีเนื้อหาต้องห้ามตามประกาศ คสช. ด้าน “สุภิญญา” เสียงข้างน้อย ค้านให้อนุโลม ชี้ควรว่าไปตามกฎหมายถ้าผิดก็คือผิด แถม กกต.ยังไม่ชงร้องเรียนมาด้วย เตือนลงโทษถ้าไม่มีมาตรฐานเดียวกันจะยุ่งเหยิง

วันนี้ (15 ส.ค.) นายภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติให้พักการดำเนินรายการของพิธีกรสถานีโทรทัศน์ดิจิตอล วอยซ์ทีวี คือ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล และนายอธึกกิต แสวงสุข ตั้งแต่วันที่ 15-24 ส.ค. ตามที่สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี เสนอแนวทางการแก้ไขการออกอากาศรายการเวกอัพ นิวส์ (Wake up News) ต่อสำนักงาน กสทช. เนื่องจาก ม.ล.ณัฏฐกรณ์ และนายอธึกกิต ผู้ดำเนินรายการ ดำเนินรายการในลักษณะเป็นการต้องห้ามมิให้ออกอากาศ ตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 ประกอบกับประกาศ คสช.ฉบับที่ 103/2557 ลงวันที่ 21 ก.ค. 2557 และมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายให้สำนักงาน กสทช.ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีให้ใช้ความระมัดระวังและความละเอียดรอบคอบในการออกอากาศรายการในลักษณะที่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายอีกด้วย

ขณะที่ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กสทช. และ กสท. ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ระบุว่า การประชุมวันนี้ (15 ส.ค.) องค์ประชุมเหลือ 4 คน เพราะ กสท.รายหนึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่งตามอายุแล้ว โดยกรณีสถานโทรทัศน์วอยซ์ทีวีนั้น ทางอนุกรรมการกำกับเนื้อหาของ กสทช.เสนอเรื่อง กสท.พิจารณา 2 วาระ ได้แก่ วาระแรกขอความร่วมมือ และวาระสองเสนอปรับ 5 หมื่น และพักรายการเวกอัพนิวส์เป็นเวลา 7 วัน ทว่า เมื่อเช้านี้ (15 ส.ค.) ตัวแทนสถานโทรทัศน์วอยซ์ทีวีได้ยื่นจดหมายถึง กสท.เสนอว่าจะขอพักจอผู้ดำเนินรายการทั้ง 2 คนเป็นเวลา 10 วันแทนค่าปรับและการถูกพักรายการ 7 วัน โดย กสท.เสียงข้างมาก 3 คนมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอช่องวอยซ์ทีวี

น.ส.สุภิญญาระบุว่า ส่วนตนที่เป็นหนึ่งเสียงข้างน้อยก็ยืนตามหลักการเดิม คือ ถ้าเนื้อหาผิดกฎหมายก็ว่าไปตามกระบวนการปกครองปกติ แต่ถ้าไม่ผิดกฎหมายก็คือไม่ผิด ตนจึงเห็นต่างจากอนุเนื้อหาที่ชงมาให้ลงโทษและเห็นต่างจากสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีที่ยอมรับการลงโทษเอง แต่ก็เข้าใจทั้งสองฝ่ายในสถานการณ์ปัจจุบัน จริงๆ ว่าด้วยเรื่องรัฐธรรมนูญกับการลงประชามติ คนที่มีอำนาจตามกฎหมายคือ กกต. ซึ่งก็ยังไม่ได้ร้องเรียนเนื้อหาสื่อดังกล่าวมาที่ กสทช. จากนี้ไปเสียงใน กสท.จะยิ่งอ่อนไหวมากขึ้น เพราะเหลือแค่ 4 คือต้องเอกฉันท์ หรือ 3:1 ถ้ามติ 2:2 จะเกิดปัญหาคือประธานจะตัดสินเป็นเสียงที่สาม

น.ส.สุภิญญาระบุต่อว่า วันนี้ กสท.ยังไม่ได้เปิดเทปดูร่วมกันเพื่อถกว่าผิดกฎหมายไหม แต่อ่านจากวาระ แต่ทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีเสนอทางออกมาเอง กสท.ข้างมากจึงว่าไปตามนั้น ถ้าเนื้อหาใดผิดกฎหมายคือ ขัดความมั่นคงของชาติ ปลุกระดม ขัดศีลธรรมอันดี ฯลฯ แต่ถ้าสื่อไม่เป็นกลางเป็นปัญหาจรรยาบรรณ สองเรื่องนี้แยกกันอยู่ อนุกรรมการด้านเนื้อหาฯ เสนอมาว่าให้ลงโทษเพราะผิดกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องจรรยาบรรณ แต่วันนี้ กสท.กลับไม่ได้ปรับหรือพักช่อง แต่เห็นชอบให้พักคนแทน จริงๆ ตนคิดว่าแนวทางของ กสท.วันนี้ ดูจะขัดกับมาตรฐานที่เคยทำไว้กับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี แต่ก็เข้าใจข้อจำกัดทุกฝ่าย ตั้งไว้เป็นประเด็นให้คิดแล้วกัน ฝากไว้ให้คิดว่าถ้าแนวทางการกำกับ ลงโทษ ไม่มีมาตรฐานเดียวกันกับทุกราย หรือผสมปนเประหว่างผิดกฎหมายและผิดจรรยาบรรณจะยุ่งเหยิงยิ่งขึ้น

ขณะที่นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ผู้ดำเนินรายการดังกล่าวได้เปิดเผยวานนี้ (14 ส.ค.) ว่า รายการได้ถูกคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์พิจารณาด้วยเหตุที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ภายในรายการรวม 2 ประเด็น คือ รัฐบาลในอนาคตจะถูกกรรมการยุทธศาสตร์คุมเข้ม และ กกต.ไม่ส่งรัฐธรรมนูญให้ประชาชนอย่างครบถ้วน