“สมชัย” แถลงผลประชามติอย่างไม่เป็นทางการ ยันไม่พลิกล็อก เผยคนออกมาใช้สิทธิร้อยละ 58 มากกว่าประชามติ ปี 50
วันนี้ (7 ส.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. นายสมชัย สุทธิยากร กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงผลการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญอย่างไม่เป็นทางการ ว่า ผลคะแนนออกเสียงประชามติอย่างไม่เป็นทางการ คงไม่คลาดเคลื่อนกับผลคะแนนอย่างเป็นทางการมากนัก และซึ่งตัวเลขคะแนนคงไม่มีการกลับผลไปในทางตรงกันข้าม เพราะคะแนนเห็นชอบและไม่เห็นชอบทั้งสองประเด็น มีจำนวนห่างกันมากพอ อีกทั้งจากผลการรายงานอย่างไม่เป็นทางการ คาดว่า ในการทำประชามติครั้งนี้ มีประชาชนออกมาใช้สิทธิ ประมาณ 55% ของผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด ซึ่งผู้มาใช้สิทธิครั้งนี้มีจำนวนน้อยกว่าการทำประชามติ 2550 และน้อยกว่าจำนวนที่ กกต. ตั้งเป้าไว้ โดยคาดว่า สาเหตุดังกล่าวเกิดจากกรณีที่ความตื่นตัวของประชาชนในการทำประชามติไม่เหมือนกับการเลือกตั้งที่มีการแข่งขัน มีหัวคะแนน มีนักการเมืองที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน และการใช้สิทธินอกเขตจังหวัดที่ต้องให้มีการลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด อาจทำให้ผู้ที่ไมได้ลงทะเบียนที่ไม่ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาไม่สามารถใช้สิทธิได้ เนื่องจาก กกต. มีการล้างบัญชีทะเบียนนอกเขตจังหวัด และจะเป็นแนวทางที่ใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดได้เปลี่ยนแปลงจากเดิม เนื่องจากมีผู้เพิ่มถอนชื่อออกจากบัญชีรายชื่อ จำนวน 224,453 คน ดังนั้น การทำประชามติครั้งนี้จึงมียอดผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด 50,261,529 คน
เมื่อถามว่า การที่มีผู้มาใช้สิทธิเพียง 55% จะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงฉันทามติหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า กติกาก็คือกติกา ที่การออกเสียงประชามตินับเพียงคนที่มาใช้สิทธิออกเสียง ไม่ว่าผู้มาใช้สิทธิจะมีจำนวนถึงครึ่งหรือไม่ก็ให้ยึดตามเสียงข้างมากและถือเป็นที่ยุติ ซึ่งเป็นหลักสากลที่ใช้ในหลายประเทศ จึงไม่น่าเป็นสาเหตุที่จะมาตั้งคำถามว่า จะเป็นฉันทามติได้หรือไม่ นอกจากจะหาเรื่อง ส่วนตัวเห็นว่าไม่เหลืออะไรให้คิดแล้ว เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่ม นปช. ประกาศว่า หากผู้มาใช้สิทธิไม่ถึง 80% ขอให้ กกต. ลาออกทั้งชุด นายสมชัย ตอบสั้น ๆ ว่า ก็พูดได้เรื่อย ๆ
หลังจากนั้น เมื่อเวลา 20.41 น. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ได้เดินมาแจ้งต่อสื่อมวลชน ว่า รายงานผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการล่าสุด พบว่า มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติถึงร้อยละ 58 ซึ่งถือว่ามากกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติของปี 2550 ที่มีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 57 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังไม่นิ่ง และเชื่อว่า จะมียอดผู้มาใช้สิทธิมากกว่านี้
