ปปง.แจ้งศาลแพ่งสั่งอายัดทรัพย์สิน “เครือข่ายโกเก้า-ลำไยลม” อดีตนายก อบจ.ลำพูน พร้อมพวก 150 ราย ถูกกล่าวหา “ทุจริตลำไย ปี 2547” เหตุขึ้นทะเบียนเกษตรกรเป็นเท็จ มูลค่าความเสียหายเกือบ 200 ล้านบาท ชี้ผู้เสียหายสามารถเขียนคำร้องพร้อมนำหลักฐานยื่นขอคืนทรัพย์สินได้ เผย “โกเก้า” เพิ่งถูกตำรวจภาค 5 จับกุมตัวได้เมื่อปีก่อนระหว่างหลบหนี ย้ำคดีคล้ายกับคดีโกงจำนำข้าว อายุความยังไม่หมด
วันนี้ (7 ส.ค.) มีรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้พนักงานเจ้าหน้าที่สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ออกประกาศพนักงานเจ้าหน้าที่สํานักงาน ปปง. เรื่องให้ผู้เสียหายยื่นคําร้องขอคุ้มครองสิทธิจากการกระทําความผิดมูลฐานด้วยสํานักงาน ปปง.ได้ดําเนินการส่งสํานวนคดีตรวจสอบและการดําเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน นายประเสริฐ ภู่พิสิฐ กับพวก ไปยังพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 3 เพื่อขอให้ศาลแพ่งมีคําสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน และพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 3 ได้พิจารณายื่นคําร้องต่อศาลแพ่งแล้ว ตามคดีหมายเลขดําที่ ฟ. 46/2549 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2559 ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการไต่สวนพยานบุคคลฝ่ายผู้ร้อง โดยศาลแพ่งอยู่ระหว่างนัดพร้อมเพื่อรอการดําเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
“อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๔ แห่งระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายในความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๕๙ จึงขอให้ผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินจากการกระทําความผิดมูลฐานในรายคดีข้างต้น และไม่อาจดําเนินการเพื่อขอคืนทรัพย์สินหรือชดใช้คืนความเสียหายดังกล่าวได้ตามกฎหมายอื่นหรือดําเนินการตามกฎหมายอื่นแล้วแต่ไม่เป็นผล ยื่นคําร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหาย และจํานวนความเสียหายที่ได้รับต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สํานักงาน ปปง.ภายในกําหนดเวลา ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ตามแบบคําร้องเพื่อขอให้ศาลนําทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไปคืน หรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.amlo.go.th”
มีรายงานว่า สำหรับคดีทุจริตลำไย เมื่อปี 2547 สำนักงาน ปปง.ได้ตรวจสอบที่มาที่ไปของเงิน รวมทั้งตรวจสอบการจ่ายภาษี สำหรับรายชื่อผู้ถูกขึ้นบัญชีดำแล้ว 7 ราย โดยคดีของนายประเสริฐ ภู่พิสิฐ หรือโกเก้า อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น นำกำลังเจ้าหน้าที่ ปปง.และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 เข้าตรวจอายัดทรัพย์สินผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตลำไยปี 2547 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน โดยเฉพาะบริษัท พิสิฐอุตสาหกรรม จำกัด ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน และโรงงานไม้อัดลำพูน ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ของ “โกเก้า” หรือนายประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน รวมถึงบ้านภรรยา และเครือญาติ เครือข่ายจุดรับซื้อที่มีทั้งนักธุรกิจ และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน
ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดคดีทุจริตลำไยปี 2547 ดำเนินคดีไปแล้วทั้งสิ้น 3,710 คดี แยกเป็นคดีฉ้อโกงและความผิดเกี่ยวกับเอกสาร จำนวน 1,368 คดี คดีแจ้งความเท็จ จำนวน 2,284 คดี และคดีอื่นๆ อีก 58 คดี
สำหรับในส่วนของคดีนี้จากการสอบสวนเกษตรกรพบว่า ไม่มีการขายลำไยจริง โดยมีนายประเสริฐเป็นหัวหน้ากลุ่ม และมีอดีตสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน และผู้ประกอบการหน่วยรับซื้อในเครือข่ายเป็นผู้ร่วมดำเนินการ
มีรายงานว่า สำหรับกระบวนกระทำผิดมีการขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ลย.1) เท็จ โดยจัดลูกน้องและบริวารออกรวบรวมบัตรประจำตัวประชาชนจากเกษตรกร และชาวบ้านไปจัดทำแบบขึ้นทะเบียน ลย.1 เท็จ ด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่เกษตรกรประจำตำบลประจำสำนักงานเกษตรอำเภอ แล้วให้เกษตรกรไปเปิดบัญชีธนาคาร และทำบัตรเอทีเอ็มมามอบให้แก่กลุ่มผู้ดำเนินการก่อนไปทำหลักฐานการซื้อขาย และส่งมอบลำไย (อ.ต.ก.สพ.01) ที่หน่วยรับซื้อในเครือข่าย ไม่มีการส่งมอบลำไยจริง หรือ “ลำไยลม” ด้วยความร่วมมือของพนักงาน อ.ต.ก.ประจำหน่วยรับซื้อ และได้รับเช็คค่าลำไยสดจากพนักงาน อ.ต.ก.ทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 4,900 ฉบับ เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 195,791,588 บาท
สำหรับเครือข่ายทุจริตลำไยปี 2547 กลุ่มนี้มีผู้เกี่ยวข้องที่ถูกกล่าวหาในคดีรวม 150 คน นำโดย นายประเสริฐ ภู่พิสิฐ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ผู้ประกอบการหน่วยรับซื้อ ได้แก่ นายมนตรี นุมัติ นายกิตติศักดิ์ มีจี๋ นางอรวรรณ ภู่พิสิฐ นายสุรสิทธิ์ วงศ์การณ์ (ส.จ.ลำพูน) นายสมบูรณ์ พุทธจน นายวิเชียร มูลทองแดง นายนรินทร์ ฟูสุวรรณ (ส.จ.ลำพูน) นายดาเรศน์ แสงยาสมุทร นายวรชาติ ศรีไม้ นายรัฐเกียรติ โพธิวรากูร (ส.จ.ลำพูน) นายถวิล เทพวงศ์ นางรุจิรา ภู่แดง นางเทิด เตจ๊ะพิงค์ นางจำเนียร ฟูบางไค้ นางจันทร์ตา ชัยสิทธิ์ นายวิรัตน์ กิติจิต และนางวิไล อุดดง
นอกจากนี้ ยังมีอดีตเกษตรจังหวัดลำพูน และเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลสำนักงานเกษตรอำเภอลี้ รวม 2 คน พนักงาน อ.ต.ก.ประจำหน่วยรับซื้อ จำนวน 13 คน และผู้ทำหน้าที่รวบรวมเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนมาจัดทำแบบขึ้นทะเบียนเกษตรกร จำนวน 117 คน
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2558 ตำรวจภูธรภาค 5 ได้จับกุมตัว นายประเสริฐ หรือโกเก้า ภู่พิสิฐ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ตามหมายจับของศาลจังหวัดลำพูน ในฐานความผิดรวม 8 ข้อหา คือ แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยมีประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ใช้หรืออ้างเอกสารราชการที่แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมเอกสารและให้เอกสารปลอม (ใบเสนอขายลำไย ต้นขั้วเช็ค)
ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม (แบบ อ.ต.ก.สพ.10) สนับสนุนงานองค์กรของรัฐ และสนับสนุนพนักงานองค์กรของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต สนับสนุนเจ้าหนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”
ทั้งนี้ คดีฉ้อโกงโครงการรับจำนำลำไยอบแห้งนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นคล้ายกับคดีโกงจำนำข้าวที่เป็นข่าวดังในขณะนี้ มีผู้ร่วมขบวนการเป็นจำนวนมาก และคดีก็ยืดเยื้อผ่านมาหลายรัฐบาล จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.มารื้อฟื้นในบางคดีที่ยังไม่หมดอายุความ นำมาสู่การสอบสวนกันใหม่ จนทางพนักงานสอบสวนขออนุมัติศาลจังหวัดลำพูนออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่อายุความยังไม่หมด มาดำเนินคดีได้