xs
xsm
sm
md
lg

“ประวิช” เตือนเซลฟีในหน่วยลงคะแนนผิด กม. “รังสิมา” โอด “มาร์ค” ค้าน “ลุงกำนัน” หนุน ทำวุ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

รังสิมา รอดรัศมี
กกต.เผยโค้งสุดท้ายประชาชนตอบรับดีในการออกเสียงประชามติ คาดมีผู้ใช้สิทธิมากกว่าปี 2550 เตือนพวกชอบเซลฟีในหน่วยเลือกตั้งผิดกฎหมาย ด้าน “รังสิมา” โอดอึดอัดสวมหมวกสองใบ “มาร์ค” ค้านร่าง รธน. ขณะที่ “ลุงกำนัน” หนุน ทำวุ่น แนะ คสช. ใช้ ม. 44 ยกเลิกประชามติ 7 สิงหาฯ แล้วดึงนักการเมือง ผู้เชี่ยวชาญร่างใหม่



นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านการมีส่วนร่วม บรรยายเรื่องการออกเสียงประชามติ On the road to referendum ให้แก่นักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง ที่สำนักงาน กกต.ตอนหนึ่งว่า ที่ กกต.ไม่ได้มีการจัดส่งร่างรัฐธรรมนูญและเอกสารที่เกี่ยวข้องไปทุกครัวเรือนผู้มีสิทธิออกเสียงทุกคน นอกจากเพราะกฎหมายกำหนดแล้วยังเป็นเพราะปัจจุบันมีช่องทางของโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ รวมทั้ง กกต.ก็ได้มีการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญเป็นอักษรเบรลล์ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้มีสิทธิออกเสียงเฉพาะกลุ่มที่เป็นผู้พิการทางสายตา มีการจัดพิมพ์เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญในหนังสือพิมพ์ การใช้พลเมืองจิตอาสาลงไปเชิญชวน การร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการที่ให้นักเรียนเขียนจดหมายถึงพ่อเแม่ให้ไปใช้สิทธิออกเสียงในวันที่ 7 ส.ค

นายประวิชกล่าวว่า ถือว่าช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงวันออกเสียงการณรงค์เชิญชวนดังกล่าวค่อนข้างได้รับการตอบสนองดีมาก จนทำให้มั่นใจว่าการออกเสียงประชามติครั้งนี้จะมีผู้ใช้สิทธิมากกว่าการออกเสียงประชามติเมื่อปี 2550 ที่มีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 57 อย่างไรก็ตาม กกต.ได้ตั้งเป้าหมายให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิครั้งนี้ไว้ที่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ซึ่งก็จะพยายามรณรงค์เชิญชวนประชาชนไปให้สิทธิให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และอยากฝากเตือนไปยังผู้มีสิทธิออกเสียงระมัดระวังการเซลฟีที่เป็นที่นิยมของประชาชนในขณะนี้ภายในหน่วยออกเสียงเพราะถือว่าผิดกฎหมาย แต่สามารถบันทึกภาพนอกหน่วยออกเสียงได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอบรมดังกล่าวนายประวิชยังได้เปิดให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นซึ่งนักศึกษาก็ได้มีการสอบถามว่า กกต.มีความมั่นใจแค่ไหนว่าจะไม่มีการโกงประชามติเกิดขึ้น นายประวิชยืนยันว่า ทุกขั้นตอนทั้งการพิมพ์บัตร การตั้งกรรมการประจำหน่วย กกต.ยังยึดมาตรฐานเหมือนที่ได้ดำเนินการมาแล้ว รวมทั้งครั้งนี้เป็นการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การเลือกตั้งที่จะมีการแข่งขันกันของพรรคการเมือง ผู้สมัคร จึงเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น

ขณะที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิก กปปส.ได้แสดงความคิดเห็นโดยระบุว่า ขณะนี้หนักใจมาก ไม่ได้หลับไม่นอนเพราะมีประชาชนโทรศัพท์มาถามอยู่ตลอดเวลาว่าควรจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะหัวหน้าพรรคก็บอกว่าไม่รับ แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.กลับบอกให้รับร่างฯ ต้องปิดเครื่องหนี ตนสวมหมวกสองใบ เป็นทั้งสมาชิกพรรค และ กปปส. จึงอยากให้ คสช.ใช้มาตรา 44 ยกเลิกประชามติไปเลย เพราะไม่รู้จะเสียเงิน 3 พันล้านไปทำไม ประชามติแล้วได้ผลมาก็มีปัญหาอีกไม่จบ คสช.น่าจะใช้มาตรา 44 ยกเลิก แล้วใช้มาตรา 44 หาแนวคิดใหม่ที่ทำอย่างไรจะให้ประชาชนยอมรับได้ เช่นเชิญนักการเมืองเมื่อปี 2554 ก็ได้มา แล้วตั้งคนจากหลายกลุ่ม ให้มาถกเถียงหาวิธีการกันให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน

ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นของ น.ส.รังสิมา สร้างเสียงฮือฮาให้แก่นักศึกษาที่เข้าอบรม ขณะที่นายประวิช ก็กล่าวตอบแบบติดตลกว่า “ขอรับข้อเสนอคุณรังสิมาไว้ แต่เป็นข้อเสนอที่เกินกว่าคนชื่อประวิชจะทำได้”

ทั้งนี้ นายประวิชยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการจัดเวทีถกเถียงความคิดเห็นร่างรัฐธรรมนูญในต่างจังหวัดว่า ขณะนี้ไม่มีรายงานว่ามีการติดขัดปัญหาอะไร ซึ่งการจัดเวทีฯต้องดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 3 ส.ค. และเห็นว่าขณะนี้สื่อหลายช่องทางเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของประชาชน

ส่วนที่ฝ่ายการเมืองออกมาแสดงจุดยืนรับไม่รับร่างรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล เพียงแต่ต้องระมัดระวังว่าต้องอยู่บนข้อเท็จจริง เพราะปัจจุบันมีสื่อออนไลน์ที่สามารถย้อนกลับมาดูได้ตลอด และเห็นว่าการแสดงความเห็นของฝ่ายการเมืองก็ไม่ได้มีผลต่อการออกมาใช้สิทธิของประชาชนให้มากขึ้นหรือน้อยลง เพราะประชาชนก็มีความตระหนักที่จะตัดสินใจได้เอง

นายประวิชยังกล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทยระบุว่ามีการส่งข้อความชี้นำให้รับร่างรัฐธรรมนูญซึ่งมีเนื้อหาบิดเบือนทางโซเชียลมีเดียว่า ส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่ พ.ร.บ.ประชามติมีโทษทางอาญา ใครที่พบเห็นการกระทำผิดสามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ได้ ซึ่งการแสดงความคิดเห็นสามารถทำได้แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ อยากเตือนประชาชนที่จะไปใช้สิทธิออกเสียงว่า ในวันออกเสียงเมื่อรับบัตรออกเสียงและทำเครื่องหมายกากบาทในบัตรออกเสียงแล้ว อย่านำโทรศัพท์มือถือที่พกติดตัวเข้าไปถ่ายภาพการลงคะแนนของตนเอง หรือที่เรียกเซลฟี รวมทั้งภาพภายในหน่วยเสียงเพราะเข้าข่ายผิดกฎหมาย รวมทั้งการออกเสียงครั้งนี้ใช้งบประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท ใช้บุคคลากรในการดำเนินการกว่า 1 ล้านคน จึงอยากให้ผู้มีสิทธิทุกคนออกมาใช้สิทธิ จะรับหรือไม่รับไม่เป็นปัญหา แต่การมาใช้สิทธิจะเป็นการยืนยันว่าเราต้องการให้ระบอบประชาธิปไตยยั่งยืนในบ้านเราต่อไปในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น