นายกฯ พร้อม ครม.บางส่วนและบิ๊กท บ.บินลงนราฯ ประชุมหน่วยความมั่นคง เลี่ยงใช้รถยนต์เพื่อความปลอดภัย เป็น ปธ.มอบโฉนดที่ดินบริเวณเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี ย้ำศาสนาใดก็พี่น้องกัน รบ.ยึดตามแนวทางในหลวง มุ่งให้ทุกคนมีความสุข แจงขน รมต.มาให้เห็นความตั้งใจว่าจะทำให้ จชต.รุ่งเรือง ขอช่วยกันทำให้ปลอดภัยพัฒนาดีขึ้นแน่ อย่าเชื่อคำบิดเบือนขอให้ฟัง รบ. ลั่นไม่หวังคะแนนเสียง มุ่งทำเพื่อชาติ ปชช.
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 25 ก.ค. ที่ฝูงเครื่องบิน กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม พล.อ.สุรเชษฐ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาการ พล.อ.ธีระชัย นาควานิช ผบ.ทบ. พล.อ.อักษรา เกิดผล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสธ.ทบ.เดินทางไปปฏิบัติภารกิจราชการที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อประชุมหน่วยความมั่นคง การประชุมแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมมอบโฉนดที่ดินบริเวฯเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี จำนวน 800 แปลงให้แก่ประชาชนในพื้นที่
เวลา 09.20 น. ทันทีที่เดินทางถึงจังหวัดนราธิวาส นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางมายังหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เพื่อเป็นประธานการประชุมหน่วยความมั่นคง ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส โดยมีนายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรีได้รับฟังรายงานสรุปจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนรับฟังและสังเกตการณ์
สำหรับมาตรการการรักษาความปลอดภัย นายกรัฐมนตรีพร้องคณะอยู่ในชั้นสูงสุด โดยนายกรัฐมนตรีใช้เครื่อง Embraer ของ ทบ.ถึงสนามบินบ้านทอน นราธิวาส จากนั้นทาง ทบ.ได้นำเฮลิคอปเตอร์ AW139 Agusta Westland นำนายกรัฐมนตรีมายังพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังใช้ทีมทหารเสือราชินี จาก ร.21 รอ. นำโดย พ.อ.วรยุทธ์ แก้ววิบูลย์พันธุ์ ผบ.ร.21 รอ.รักษาความปลอดภัยวงในให้แก่นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ประมาณ 70 นาย ส่วนในพื้นที่ก็มีการระดมตำรวจและทหาร ทังในและนอกเครื่องแบบดูแลรักษาความปลอดภัย เนื่องจากการลงพื้นที่ครั้งนี้คณะใหญ่นอกจากนายกรัฐมนตรีแล้วยังมี พล.อ.ประวิตร พล.อ.ธีรชัย เสธ.ทบ. เลขาฯ กอ.รมน.เป็นต้น
จากนั้นเวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางมายังหอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมีนักเรียนจากโรงเรียนร่มเกล้าแสดงดิเกร์ฮูลูและนักเรียนจากโรงเรียนนราธิวาส ร้องเพลง “รักกันไว้เถิด” ต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้กล่าวสรุปรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าในการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ ภายหลังการฟังบรรยายสรุปนายกรัฐมนตรี เป็นประธานสักขีพยาน ในการมอบโฉนดที่ดินบริเวณเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี จำนวน 800 แปลง ให้แก่ประชาชนในพื้นที่โดยมีผู้แทนรับมอบ 1 ราย ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้มอบ
นายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมทั้งหมดถือเป็นพี่น้องกัน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินงานตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานไว้ รัฐบาลนี้ต้องการทำให้ทุกคนมีความสุข ไม่มีความขัดแย้งทำให้ทุกคนมีรายได้พอเพียงและมีงานทำ การลงพื้นที่มาครั้งนี้ตนได้นำหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้างานด้านความมั่นคงอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อมาแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่ารัฐบาลนี้มีความตั้งใจและมั่นใจในการทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะทำให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอมีความเจริญรุ่งเรืองมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยยึดหลักความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ที่ผ่านมาการบริหารราชการแผ่นดินอาจไม่ได้ตามเป้าหมายเพราะเกิดข้อผิดพลาด ซึ่งรัฐบาลก็พยามแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา วันนี้เราทุกคนต้องการทำให้พื้นที่ภาคใต้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนมั่นคงและแข็งแรง จึงอยากขอคำสัญญาจากทุกคนให้ร่วมมือกันทำให้พื้นที่นี้มีความปลอดภัยทำให้เกิดความสันติสุข การก่อเหตุรุนแรงลดลง ซึ่งจากการทำงานที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าความรุนแรงนั้นได้ลดลงตามลำดับตั้งแต่ปี 2557-2558 รัฐบาลต้องการนำเศรษฐกิจที่แข็งแรงมาลงในพื้นที่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเรื่องของเกษตรกร ปศุสัตว์ การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอุตสาหกรรมด้านต่างๆ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนในทุกๆเรื่องโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลเพื่อให้เป็นที่หนึ่งในอาเซียน จึงอยากขอให้ทุกคนร่วมมือกันอย่าให้ต่างประเทศมองได้ว่าประเทศไทยมีแต่ความขัดแย้งมีแต่ความรุนแรง อยากให้ลบภาพนี้ออกไปทุกคนต้องร่วมมือกันและช่วยกับรัฐบาลซึ่งเราก็พร้อมจะช่วยเหลือทุกคน รัฐบาลได้กำหนดนโยบายไว้ ให้ทุกคนอยู่ในพื้นที่ด้วยความสันติสุข มีรายได้ที่พอเพียงอย่าให้ใครเข้ามาบิดเบือนไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือเรื่องการบริหารประเทศ ตนอยากให้พื้นที่ภาคใต้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งเรื่องของการศึกษา การพัฒนา และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ปัญหาสำคัญคือเรื่องของการเรียนการศึกษาในพื้นที่ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมืออย่างดีจากจุฬาราชมนตรีและคณะกรรมการบริหารศาสนาในพื้นที่ ตนเชื่อว่าทุกคนมีความปรารถนาดีอยากให้ประเทศเป็นที่ไว้วางใจ และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด วันนี้จึงขอให้ทุกคนมาช่วยเหลือและลดความเหลื่อมล้ำ ร่วมมือกันรักษาประชาธิปไตยในพื้นที่ดูแลซึ่งกันและกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แม้วันนี้จะมีคนคอยพยายามบิดเบือนแต่ก็ขอให้ทุกคนยึดมั่นรวมทั้งรับรู้ในข้อเท็จจริง ตนและรัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการทุกอย่างให้เกิดความยุติธรรม ยึดหลักกฎหมายเป็นที่ตั้ง สร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนและพื้นที่ รัฐบาลและ คสช.มุ่งมั่นโดยยึดหลักประชาชนเป็นศูนย์กลางในการทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ดังนั้น ไม่ว่าใครจะบิดเบือนอย่างไรก็ขอให้ฟังข้อเท็จจริงจากรัฐบาล ขอยืนยันว่าจะฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ขอให้ไว้วางใจซึ่งกันและกัน เรื่องในอดีตขอให้วางไว้และใช้กฎหมาย รวมทั้งกระบวนการยุติธรรมเข้ามาดำเนินการเพื่อยุติความขัดแย้งต่างๆ รวมทั้งความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อีกต่อไป หากเราสามารถร่วมมือกันได้ก็จะทำให้เป็นประเทศก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 คือทุกคนมีรายได้เพียงพอชีวิตดีขึ้น ขณะนี้ปัญหามีอยู่อย่างเดียวคือความไม่ปลอดภัย จึงอยากขอสัญญาจากทุกคนช่วยกันสร้างความปลอดภัยในพื้นที่แล้วตนจะนำทุกอย่างพร้อมสนับสนุนในทุกๆ ด้าน ทำให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและดีขึ้น ใครที่มาบิดเบือนขออย่าได้เชื่อ ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดรัฐบาลยังคงเดินหน้าต่อไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัตรทอง หรือการบริการสาธารณูปโภคต่างๆ ขอร้องว่าอย่ามองรัฐบาลด้วยความไม่ไว้ใจ
“ผมเข้ามาไม่ได้หวังคะแนนเสียงแต่เข้ามาเพราะเห็นความเดือดร้อนของทุกๆ คน ข้าราชการรู้ดีว่าปัญหาอยู่ตรงไหนและต้องแก้ที่ใด วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องนำเศรษฐกิจที่ดีเข้ามาในพื้นที่ เรามีความปลอดภัย ผมยืนยันได้ว่าจะทำทุกอย่างให้แก่พื้นที่นี้ เราจะต้องเลิกความขัดแย้งเลือกใช้ความรุนแรง ต้องช่วยกัน ขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางรัฐบาลจะเป็นผู้ดูแลและจัดหาสิ่งต่างๆ ตามความต้องการให้”
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนและรัฐบาลต้องการวางพื้นฐานไว้ เพื่ออนาคตข้างหน้าอีก 20 ปีซึ่งถึงเวลานั้น ตนผมก็คงไม่อยู่แล้ว อย่าลืมว่าประชาธิปไตยคือทุกคนมีสิทธิของตัวเองหนึ่งเสียงกำหนดชะตาของประเทศกำหนดชะตาของรัฐบาล ทั้งหมดอยู่ที่ตัวของทุกคน อย่าให้ใครได้มาบิดเบือน หรือไปติดกับดักของคนอื่นอีก เราต้องเรียนรู้อย่าให้ใครมาชี้นำ ต้องวิเคราะห์ปัญหา รวมทั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนสามารถตรึกตรองและแยกแยะได้ และหากทุกคนช่วยกันทำให้พื้นที่นี้มีความปลอดภัย ผมเองก็สามารถรับรองให้กับคนอื่นได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าทุกคนสามารถรับรองได้ พื้นที่นี้ก็มีแต่จะพัฒนาในทางที่ดีขึ้น ขอคำสัญญาจากทุกคนได้หรือไม่ ถ้าให้สัญญากับตนได้ก็ขอให้สัญญาว่าจะทำให้แผ่นดินนี้มีการศึกษาที่ดีขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นซึ่งการศึกษานอกจากศาสนาแล้วก็จะต้องมีการเรียนหลักสูตรสามัญควบคู่กันไป รวมทั้งการท่องเที่ยวที่ถือว่าเรามีทรัพยากรที่สมบูรณ์ มากกว่าที่อื่นเรามาร่วมกันทำให้พื้นที่นี้โมเดิร์น เราจะช้าไปอีกไม่ได้แล้ว” นายกรัฐมนตรีกล่าว
“ผมพร้อมให้ความเป็นธรรมและทำให้ทุกอย่าง ผมไม่ได้ต้องการคะแนนเสียง เพราะผมไม่มีคะแนนเสียง เข้ามาเพื่อต้องการที่จะทำงานให้แผ่นดินนี้ เพราะผมเป็นหนี้แผ่นดิน ตำรวจและทหารทำงานเพื่อรักษาแผ่นดินนี้ไว้ ทุกคนจะต้องร่วมมือกันในการพัฒนาตัวเองสร้างความปรองดองความรักความสามัคคีในพื้นที่ ประชาธิปไตยสามารถที่จะเห็นต่างได้ แต่อย่าเอาความเห็นต่างนั้นมาทำให้เป็นประเด็นปัญหาจนประเทศไม่สามารถเดินหน้าได้หรือเดินได้ช้า เราจะต้องหาข้อยุติร่วมกัน ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นประชาธิปไตยถึง 150% แต่หากหาข้อยุติไม่ได้เราก็จะเดินต่อไปไม่ได้เช่นกัน หากมัวนำความขัดแย้งทุกเรื่องมาเป็นประเด็นปัญหา โดยไม่หาข้อยุติก็ลำบากหากเราสามารถลดความขัดแย้งและความรุนแรงได้ผมก็พร้อมที่จะสนับสนุนในทุกๆ ด้านเพราะวันนี้ทุกคนก็เป็นคนไทยด้วยกัน นโยบายของรัฐบาลทุกอย่างต้องการทำเพื่อประชาชนทุกคนการขึ้นบัญชีต่างๆ ไม่ได้มุ่งมั่นที่จะควบคุมใครไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพร้อมเพย์ ก็ไม่ได้บังคับใครพร้อมก็ใช้ อย่าให้ใครมาบิดเบือนหรือชักจูง วันนี้ผมไม่ได้มาหาเสียง เพราะผมไม่ได้เข้ามาแบบนั้นซึ่งหมายถึงตอนนี้นะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จากนั้นเวลา 13.45 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางมายังศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองจังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นประธานการประชุมแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับส่วนราชการภาคเอกชน และ ศอ.บต. ที่ห้องประชุมพระนาราภิบาล ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส