xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” แจงผุดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเพื่อพัฒนาประเทศอย่างมีทิศทาง ปัดหวังยึดอำนาจยาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” แจงผุดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อพัฒนาประเทศอย่างมีทิศทางที่ชัดเจน ปัดหวังยึดอำนาจไว้ยาวนาน ลั่นอย่าให้ใครมาบิดเบือน พร้อมขอให้ประชาชนเปิดใจรับ “พร้อมเพย์” ยันปลอดภัย ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถาบันการเงิน

วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ช่วงหนึ่งว่า ปัจจุบันมีหลายเรื่องที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ในการที่จะวางรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศในอนาคต ขอให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามข่าวสารทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่ดี เช่น 1. การจัดระเบียบการถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส.ป.ก.ผ่านมานั้นได้มีการแจกจ่ายไปยังเกษตรกรผู้ยากไร้ด้วยเจตนาดี แต่ด้วยผลการปฏิบัติที่อาจจะมีสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่บ้าง อันประกอบไปด้วยการทุจริตของเจ้าหน้าที่บางราย หรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทำให้เกิดมีการขายสิทธิต่อ และเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก. และใช้ประโยชน์ที่ไม่ตรงความต้องการตามวัตถุประสงค์ ก็จำเป็นต้องเข้าป่าบริหารจัดการใหม่ให้ถูกต้อง โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย ผู้ดำรงตำแหน่งปฏิรูปที่ดินจังหวัด นิติกร นายช่างสำรวจ นายช่างโยธา วิศวกรสำรวจ วิศวกรโยธา ได้เข้ามาดำเนินการร่วมกันก่อนจะจัดรูปแบบบริหารจัดการใหม่ให้มีประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรได้ย้อนกลับไปอีกเหมือนเดิม ไม่ได้แล้ว

2. การลงทะเบียนในระบบพร้อมเพย์ เป็นทางเลือกให้ประชาชนใช้บริการเสริม ไม่ได้บังคับใคร เพียงแต่อยากให้สะดวกขึ้น และเสียค่าบริการถูกลง ส่วนใหญ่ก็เป็นเงินที่ไม่มากนักอยู่แล้ว ภาครัฐจะใช้เป็นช่องทางในการหาทางคืนเงินภาษีบ้าง สวัสดิการต่างๆ บ้าง ซึ่งเราใช้กับ มุ่งหวังให้คนที่มีน้อยๆ ซึ่งจะรวดเร็วกว่าเดิม และเชื่อถือได้ มีช่องทางรับโอนเงินแบบเดิม ซึ่งมีอยู่แล้ว ใช้การได้ตามปกติ ก็แล้วแต่จะเลือกอะไรก็แล้วแต่

“อย่าเป็นห่วงว่าข้อมูลส่วนบุคคลของพี่น้องประชาชนจะรั่วไหลต่างๆ มันหมายเลข 13 ตัว มีแค่ตัวเท่านั้นเอง จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถาบันการเงิน และจะได้รับการตรวจสอบความถูกต้องโดยธนาคารแห่งประเทศไทย อาจเป็นสิ่งใหม่ๆ สำหรับบางคน บัตรเอทีเอ็มช่วงแรกก็ถูกนำมาใช้ แล้วยังมีความไม่เข้าใจ หวาดระแวง ปัจจุบันทุกคนมีบัตรเอทีเอ็ม มีคนละหลายใบด้วย ใช้เป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้น การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่านั้น ผมอยากให้พี่น้องประชาชนเปิดใจ อย่าหลงเชื่อคำบิดเบือน" นายกฯ ระบุ

3. การลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย สำหรับผู้ว่างงาน หรือผู้มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี สัญชาติไทย อายุ 18 ปี ขึ้นไป ในช่วง 15 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ ข้อมูลดังกล่าวจะเชื่อมโยงไปยังฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของ กระทรวงมหาดไทย เพื่อประมวลผลข้อมูลผู้ที่จะได้รับ จริงๆ มีการประเมินอยู่แล้ว ทีนี้ถ้าสามารถทำได้โดยเจ้าของเอง มันจะชัดเจนขึ้น มีการตรวจสอบกับข้อมูลอื่นได้ด้วย เพื่อเราจะได้นำมาจัดสวัสดิการอื่นทางสังคมได้ในอนาคต ของเดิมอย่าห่วง ไม่มีการตัดอะไรทั้งสิ้น อย่างน้อยก็เท่าเดิมอยู่ระยะแรก ต่อไปจะพัฒนาให้มากขึ้นเพื่อให้มีรายได้ของประเทศมากขึ้น โดยโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐนี้ เป็นหนึ่งในบูรณาการฐานข้อมูลบริการสังคม ตามแผนยุทธศาสตร์เรื่องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เรื่องระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ

ทั้งนี้ เพื่อให้การออกแบบสวัสดิการมีความเหมาะสม สมเหตุสมผล ไม่ให้มีการใช้งบประมาณแบบเหวี่ยงแหลงไป หรือประชานิยมในสิ่งไม่ถูกต้อง หรือไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ตรงกับความต้องการที่แท้จริง ทุกคนกลับไปอยู่ที่เดิมหมด ทั้งหมดเป็นอย่างนั้นอยู่ มันต้องเปลี่ยนแปลงนะ มันทำให้เราประหยัดงบประมาณลงได้มาก ใช้ได้ถูกต้องนะ ทำให้ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน หรือใช้เงินภาษีประชาชนอย่างไม่มีประสิทธิภาพ อย่าไปเชื่อว่าจะเอาไปใช้ประโยชน์ เก็บภาษี ในเมื่อตัวเลขของการประเมินภาษีแจ้งด้วยตัวเองอยู่แล้ว รายได้ไม่ถึง ก็ไม่เสียอยู่แล้ว รัฐบาลจะเก็บภาษีจากคนไม่มีรายได้เพียงพอตามเกณฑ์ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อย่าไปเชื่อเขา มีแต่ถ้ารัฐบาลมีสตางค์มากขึ้น มีรายได้เศรษฐกิจดีขึ้น เป็นไปได้หรือไม่ที่จะหาเงินให้ใส่ในบัญชีให้ หลายประเทศเขาก็ทำแบบนี้ เพื่อจะส่งเสริมความเข้มแข็งเป็นรายครอบครัว รายครัวเรือน ทำนองนี้ เพื่อให้เขายกระดับรายได้มากขึ้น เพื่อจะไปสู่ฐานภาษีในอนาคต คือมีรายได้เพียงพอนะครับ และสูงกว่าเกณฑ์ภาษี ไม่ดีใจหรือครับ ถ้าเราพ้นจากสถานะเหล่านั้นได้ เราต้องช่วยตัวเอง รัฐบาลจะช่วยในสิ่งที่ถูกต้อง ที่เราทำได้ ไม่ประชาสัมพันธ์ หรือโฆษณาชวนเชื่อ เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องเรียนรู้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งกับประเทศชาติคือ คำว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หลายครั้งแล้ว มีการบิดเบือนอยู่ ขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง หลายประเทศนั้น มีการทำยุทธศาสตร์ชาติ มีทุกประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศ โดยมีทิศทางที่ชัดเจน ประเทศไทยไม่เคยมีมาก่อนเลย ตนไม่ทราบเพราะเหตุใด วันนี้เรามีวิสัยทัศน์ของประเทศเป็นหลักชัย แต่ทั้งนี้ จะทำอย่างไรที่จะบรรลุสู่ เป้าหมายคือความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มันมีหลักการอยู่แล้ว ทางวิชาการก็มีอยู่จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศ จะทำอย่างไรว่าประเทศไทยในอีก 20 ปีข้างหน้าจะเกิดความเป็นธรรมในสังคม ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ มีระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง มีเศรษฐกิจดิจิตอล ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้รับการดูแล การพัฒนาทั้งในภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคการบริการ มีความเข้มแข็ง และประชาชนมีรายได้สูงขึ้นเพียงพอ มีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน ดีขึ้น และประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่เรามีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นในเวทีระดับโลก โดยจะต้องมีการบริหารจัดการภาครัฐที่เป็นระบบ แบบบูรณาการ และการให้บริการภาครัฐที่มีธรรมาภิบาล เน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อจะรองรับการพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน และให้มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพ

ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนั้นจะเป็นเพียงกรอบแนวทางกว้างๆ เพื่อจะนำไปสู่การปฏิบัติในอนาคต ซึ่งประกอบไปด้วยยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ยุทธศาสตร์ก็คือสิ่งที่เขียนเอาไว้กว้างๆ แต่จะทำหรือไม่ทำก็เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ได้แก่ 1. ด้านความมั่นคง 2. ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3. ด้านการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม 4. การสร้างการเจริญเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 5. ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ และ 6. ด้านการพัฒนาและส่งเสริมสร้างศักยภาพคน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา

ในทุกด้านที่กล่าวมาแล้วนั้น อย่างไรก็ตาม ต้องอาศัยปัจจัยไปสู่ความสำเร็จ 3 ประการด้วยกัน คือ 1. ต้องมีการวางระบบและมีกฎหมายที่รองรับ 2. ต้องสร้างกลไกไปสู่การปฏิบัติที่สอดคล้องกัน และ 3. ต้องได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนในสังคม ร่วมมือกัน เพราะประเทศชาติเป็นของพวกเราทุกคน ทั้งเกือบ 70 ล้านคนในปัจจุบัน

“โดยสรุปแล้วยุทธศาสตร์ชาตินั้นไม่ได้ไปบังคับใครทั้งสิ้นเลย เพียงแต่ขอให้ทุกรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ให้เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เราทำทุก 5 ปีอยู่แล้ว และคราวนี้กำลังจะก้าวไปสู่ปี 60 ในส่วนของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนที่ 12 ขอสภาพัฒน์ และแผนการปฏิรูปที่ทาง สปท.ได้ทำไว้ล่วงหน้า ทั้ง 2 คณะที่ผ่านมา มันก็จะเดินหน้าไปตามนี้ แต่จะทำหรือไม่ทำ ทุกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็พิจารณาว่าจะทำหรือไม่ทำนะ ประชาชนก็ต้องดู ศึกษาดูว่าทำแล้วมันดีหรือไม่ดี หรือไม่ได้ทำแล้วมันไม่ดีอย่างไรก็ไปว่ากันเอาเอง รัฐบาลนี้ก็พยายามจะทำเป็นแนวทางแรกๆ ไว้ในช่วงปฏิรูประยะที่ 1 เท่านั้นเอง อันนี้ก็ฝากไว้ด้วย อย่าให้ใครมาบิดเบือน ว่าผมจะไปยึดอำนาจ ครองอำนาจไว้ยาวนาน ไม่ใช่ เป็นอำนาจของประชาชน ให้ประชาชนมีอำนาจอย่างแท้จริง ในการที่จะกำกับดูแลการทำงานของฝ่ายบริหารบ้าง ไม่ใช่อย่างที่ผ่านมา ก็มีปัญหามาตลอด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว


คำต่อคำ : รายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” วันที่ 22 กรกฎาคม 2559


“สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ปีนี้ ซึ่งจะมีพระชนมมายุ 64 พรรษา ผมขอเชิญชวนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ร่วมถวายพระพรชัยมงคล ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ และขอให้ร่วมกันแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ ด้วยการทำดีความดี ทำได้ทุกวัน ในช่วงเข้าพรรษา ตลอดปีมหามงคลนี้ ด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี เริ่มได้ที่ใจ และจิตสำนึก

ขออวยพรให้นักกีฬาไทย ที่ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ณ ประเทศบราซิล ให้ประสบความสำเร็จและปลอดภัยทุกคน ขอแสดงความยินดีกับทีมหุ่นยนต์ iRAP ROBOT และ iSmile ของคณะนักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ได้รับรางวัลชชนะเลิศหุ่นยนต์กู้ภัยระดับโลก หรือ World Robocup Rescue 2016 ณ เมืองไลพ์ซิก ประเทศเยอรมนี สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเป็นสมัยที่ 8 โดยได้รางวัล นวัตกรรม สมรรถนะการขับเคลื่อนหุ่นยนต์ ยอดเยี่ยมที่สุด ในบรรดา 24 ทีม จาก 12 ประเทศ ทั่วโลก ผมเห็นว่าเยาวชนเหล่านี้ เป็นความหวังของประเทศในอนาคต ทราบว่าหลายคนได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นพี่ ที่ไปเรียนอาชีวศึกษา และ ประสบความสำเร็จมาก่อน ขอขอบคุณ และยินดีกับสถาบัน และคณะอาจารย์ด้วย

ตามข่าวในสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับนายคริสโตเฟอร์ เบญจกุล กับร้านเบเกอรีนั้นที่น่าสนใจ คือร้านนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ศักยภาพคนพิการ ให้ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ ในสังคม โดยรัฐบาลได้สนับสนุนการดำเนินงานตามแนวทางประชารัฐ การที่จะส่งเสริมกิจการเพื่อสังคม สำหรับคนพิการ โดยการสร้างโอกาสการทำงานของคนพิการให้เพิ่มมากขึ้น ตามตัวอย่างก็คือร้านเบเกอรี่ นี้ โดยความร่วมมือกันของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มูลนิธิศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเซียและแปซิฟิก (Apcd) ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และบริษัทไทยยามาซากิ จำกัด พนักงานของร้านมากกกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนพิการ ทางด้านร่างกายออทิสติก และคนพิการทางการได้ยิน จะทำงานทั้งฝ่ายผลิตและ ฝ่ายขาย โดยทำงานที่ตนถนัดและสมัครใจ และสามารถร่วมงานกันได้อย่างไม่มีปัญหา ดูเขามีความสุขกันดีด้วย

สำหรับนายคริสโตเฟอร์ ทำหน้าที่ผู้จัดการร้าน เป็นบุคลที่ได้รับการยกย่องว่าาเป็นผู้ทำความดี ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ นานมาแล้ว จนตัวเองต้องประสบอุบัติเหตุ เป็นเหตุให้ต้องนั่งรถเข็นอยู่ 3 ปี และก็ได้รับการฟื้นฟูร่างกาย จนหายเป็นปกติแล้ว ก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและมีความตั้งใจในการประกอบอาชีพ ที่มีรายได้ สุจริตและทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคม ได้ เช่นเดียวกับคนทั่วไป ผมขอชื่นชมการทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีของ นายคริสโตเฟอร์ ด้วยนะครับ

ประเทศไทยเรานั้นมีคนพิการประมาณ 1.6 ล้านคน โดย 7 แสนกว่าคน หรือเกือบร้อยละ 50 จบการศึกษาระดับประถมศึกษา และอยู่ในวัยทำงานและมีประมาณ 2 แสนกว่าคนเท่านั้น ที่มีการประกอบอาชีพ มีรายได้อีก 4 แสนกว่าคน ไม่ได้ประกอบอาชีพ ดังนั้นผมขอเชิญชวนภาคธุรกิจเอกชน ทุกภาคส่วน ช่วยกันส่งเสริมและเปิดโอกาส ให้คนพิการได้เข้าทำงานมากขึ้น ปัจจุบันมีการจ้างงานให้คนพิการ ทางกฎหมายในอัตราส่วน 1 ต่อ 100 คน แล้ว คิดเป็น 96% ซึ่งถือว่าอยู่ในสัดส่วนที่ดีขึ้นและมีการ มาตราการทางภาษี ช่วยเหลือทางด้านผู้ประกอบการ ที่สามารถจ้างคนพิการด้วย รัฐบาลนี้มุ่งมั่น เต็มใจ ให้คนพิการได้ออกสู่สังคม สามารถแสดงศักยภาพ มีความสามารถในการทำงานเพื่อให้สังคมได้รับรู้ ยอมรับ และเข้าใจ

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 28 กรกฎาคมนี้ โดยได้กำหนดให้ผู้ที่แสดงความสามารถ ไม่เป็นผู้ที่มีความผิดตามกฎหมาย เนื่องจากมีคนพิการจำนวนหนึ่ง ที่มีความสามารถในการแสดง ร้องเพลง เล่นดนตรี เหล่านี้ รัฐบาล โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดให้มีโครงการ From Street to Stars หรือ S2S สำหรับให้บุคคลเหล่านั้นได้นักร้องอาชีพ ผมอยากให้สังคมเปลี่ยนมุมมอง ถ้าผมวิจารณ์ว่า เขาไม่เป็นเพียงแต่ผู้รับเท่านั้น เขานั้นสามารถเป็นผู้ให้ได้ด้วย ซึ่งก็จะสร้างความสุขให้กับเราทุกคน จากเสียงเพลง เป็นต้น หลายคนอาจจะทำงานที่สถานประกอบการ หรือทำงานที่บ้านก็ได้ โดยใช้ ระบบ IT

สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมได้มีโอกาสเข้าประชุมเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Meeting :ASEM) ครั้งที่ 11 ณ กรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย ทั้งนี้จากการประชุม คณะผู้นำประเทศได้ส่งสรุปผลการหารือกันเป็น แถลงการณ์ เพื่อแสดงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิก ASEM ในการที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเอเชีย-ยุโรป ในด้านต่างๆ ต่อโลก ต่อมวลมนุษยชาติ เช่นการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์ การส่งเสริมความเชื่อมโยง การรักษาความมั่นคงทางทะเล ซึ่งมีความผูกมัดและเชื่อมโยง โดยทุกประเทศสมาชิกนั้น จะต้องเข้าสู่จุดหมายอันเดียวกัน ตามวิสัยทัศน์ในทศวรรษที่ 3 ประกอบด้วย 1.คือการเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ความเป็นหุ้นส่วน 2.การส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม 3.การส่งเสริมความเชื่อมโยง และ 4.การปรับปรุงกระบวนการทำงานของอาเซม ภายใต้บริบทของโลกไร้พรมแดนด้วยเทคโนโลยีสื่อสาร โทรคมนาคมในปัจจุบัน ที่จะทำให้เอเชียและยุโรปมีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ทุกปัญหาปัจจุบันนั้นมีผลกระทบในมิติข้ามชาติมากยิ่งขึ้น

เพราะฉะนั้นทุกประเทศต้องร่วมมือกันในลักษณะ 1 โลก 1 จุดหมาย คือความสงบสันติ และมีการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน เราจะต้องดึงจุดแข็งของกันและกันมาเติมให้เต็ม เพื่อสร้างความเจริญร่วมกันอย่างยั่งยืน เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เช่น เอเชียมีจุดแข็งก็คือ มีเศรษฐกิจและการตลาดที่มีขนาดใหญ่ มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ขณะที่ยุโรปมีจุดแข็งคือความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนวัตกรรม และความเข้มแข็งของระบบสวัสดิการสังคม

ทั้งนี้ ผมได้เสนอการเชื่อมโยงอาเซมไว้ 4 ประการ ได้แก่ 1.การเชื่อมโยงเพื่อร่วมกันรับมือกับความท้าทายต่างๆ และภัยพิบัติ เน้นการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเทคโนโลยี งานวิจัย องค์ความรู้ และสร้างนวัตกรรม ที่สนับสนุนการเพิ่มผลผลิต เพิ่มมูลค่าและส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 2.คือการเชื่อมโยงประชาชนสู่ประชาชน โดยการไปมาหาสู่กันในทุกระดับ มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การศึกษา การท่องเที่ยว เพื่อเกิดความใกล้ชิดเข้าอกเข้าใจกัน อันจะนำมาสู่ความมั่นคงของมนุษย์ได้ในอนาคตนะครับ 3.คือการเชื่อมโยงเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จะต้องสอดคล้องกับวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืน 2030 ของสหประชาชาติ ซึ่งจะต้องเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุควบคู่กับการพัฒนา และไทยเองในฐานะประธานกลุ่มจี 77 ในวาระปี คศ.2016 นั้น ผมได้นำเสนอหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เป็นทางเลือกในการพัฒนา เพื่อให้เอเชียและยุโรปได้ร่วมมือกัน บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และปฏิญญาอูลานบาตอร์เกิดผลเป็นรูปธรรม และ 4.การเชื่อมโยงเพื่อความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ โดยรื้อฟื้นการจัดประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส และรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของอาเซม เพื่อหารือความเป็นไปได้ของเขตการค้าเสรีเอเชีย-ยุโรป อันจะนำไปสู่การค้า การลงทุน และความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่พึงพากันส่งเสริมกันได้ในอนาคต

นอกจากนั้น ผมได้เสนอหลักการ 3M อันได้แก่ 1.ความไว้เนื้อเชื่อใจร่วมกันลดความหวาดระแวง 2.ความเคารพซึ่งกันและกัน เพราะทุกประเทศล้วนมีศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน และ 3.มีผลประโยชน์ร่วมกัน และต่างตอบแทน ผมก็มุ่งหวังว่า หลักการ 3M นั้น น่าจะเป็นแนวทางการทำงานร่วมกันของอาเซม โดยทุกประเทศจะต้องเคารพกฎกติการะหว่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกัน

สำหรับความท้าทายที่สำคัญ 2 ประการ ที่ทั้งเอเชียและยุโรปเผชิญอยู่นะครับ และอาจจะมีผลกระทบเชื่อมโยงทั้งในมิติความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ได้แก่ 1.ปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ โดยเฉพาะที่มีต้นเหตุมาจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ หรือในแต่ละภูมิภาค ประเทศไทยได้ริเริ่มจัดให้มีการประชุมในเรื่องว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดียจำนวน 2 ครั้ง เพื่อให้ทุกฝ่าย ทุกองค์กร ทุกประเทศที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง อันทำให้การส่งผลกับตัวเลขสถิติการโยกย้ายถิ่นฐานในมหาสมุทรอินเดียลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 2.ปัญหาการค้ามนุษย์ที่มีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์โยกย้ายถิ่นฐาน และความเหลื่อมล้ำจากการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในภูมิภาคที่ยังไม่สมบูรณ์อยู่

รัฐบาลไทยกำหนดให้มีการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์นั้นเป็นวาระแห่งชาติ ด้วยกลไกประชารัฐ และน้อมนำแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการขจัดปัญหานี้ให้หมดไปจากประเทศไทย โดยกำหนดเป็นนโยบายมาตรการ และกฎหมายเพื่อคุ้มครอง และป้องกันกลุ่มเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ทั้งเด็ก สตรีและแรงงานต่างด้าว ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการประมงที่ผิดกฎหมาย ไอยูยู ซึ่งเราจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ขอความร่วมมือด้วยทุกหน่วยงานนะครับ กับทุกผู้ประกอบการ และประชาชนด้วย ยังไงก็ตามในการแก้ไขขจัดปัญหาการค้ามนุษย์นั้น จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้นั้น จะต้องประกอบกันทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และทั้งนี้ประเทศไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศในอาเซม และในทุกกรอบความร่วมมือ เราจะต้องไม่ผลักภาระให้กับประเทศใดประเทศหนึ่งได้ต้องแก้ไขปัญหาแต่เพียงลำพัง สิ่งสำคัญก็คือเราต้องแก้ปัญหาจากต้นเหตุด้วยการพัฒนาด้านการศึกษา มีการยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำด้วยคุณภาพชีวิตและรายได้พร้อมๆ กันไปด้วย ขจัดความอยุติธรรมบนพื้นฐานด้านมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชน รวมทั้งต้องคำนึงถึงระดับความพร้อมของแต่ละประเทศในการแก้ไขปัญหาด้วย ต้องเสริมซึ่งกันและกัน ถ้าเราเสริมกันได้ด้วยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และมีแนวปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับแต่ละประเทศ มันก็จะเกิดผลเป็นรูปธรรม และเราก็สามารถเริ่มได้ทันที

ปัจจุบันมีหลายเรื่องที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ ในการที่จะวางรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศในอนาคต ผมขอให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามข่าวสารทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่ดี เช่น การจัดระเบียบการถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส.ป.ก. ผ่านมานั้นได้มีการแจกจ่ายไปยังเกษตรกรผู้ยากไร้ด้วยเจตนาดี แต่ด้วยผลการปฏิบัติที่อาจจะมีสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่บ้าง อันประกอบไปด้วยการทุจริตของเจ้าหน้าที่บางราย หรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทำให้เกิดมีการขายสิทธิต่อ และเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก. และใช้ประโยชน์ที่ไม่ตรงความต้องการตามวัตถุประสงค์ ก็จำเป็นต้องเข้าป่าบริหารจัดการใหม่ให้ถูกต้อง โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย ผู้ดำรงตำแหน่งปฏิรูปที่ดินจังหวัด นิติกร นายช่างสำรวจ นายช่างโยธา วิศวกรสำรวจ วิศวกรโยธา ได้เข้ามาดำเนินการร่วมกันก่อนจะจัดรูปแบบบริหารจัดการใหม่ให้มีประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรได้ย้อนกลับไปอีกเหมือนเดิม ไม่ได้แล้ว

2. การลงทะเบียนในระบบพร้อมเพย์ เป็นทางเลือกให้ประชาชนใช้บริการเสริม ไม่ได้บังคับใครนะครับ เพียงแต่อยากให้สะดวกขึ้น และเสียค่าบริการถูกลง ส่วนใหญ่ก็เป็นเงินที่ไม่มากนักอยู่แล้ว ภาครัฐจะใช้เป็นช่องทางในการหาทางคืนเงินภาษีบ้าง สวัสดิการต่างๆ บ้าง ซึ่งเราใช้กับ มุ่งหวังให้คนที่มีน้อยๆ ซึ่งจะรวดเร็วกว่าเดิม และเชื่อถือได้ มีช่องทางรับโอนเงินแบบเดิม ซึ่งมีอยู่แล้ว ใช้การได้ตามปกติ ก็แล้วแต่จะเลือกอะไรก็แล้วแต่

ทั้งนี้ อย่าเป็นห่วงว่าข้อมูลส่วนบุคคลของพี่น้องประชาชนจะรั่วไหลต่างๆ มันหมายเลข 13 ตัว มีแค่ตัวตนเท่านั้นเอง จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถาบันการเงิน และจะได้รับการตรวจสอบความถูกต้องโดยธนาคารแห่งประเทศไทย อาจเป็นสิ่งใหม่ๆ สำหรับบางคน บัตรเอทีเอ็มช่วงแรกก็ถูกนำมาใช้ แล้วยังมีความไม่เข้าใจ หวาดระแวง ปัจจุบันทุกคนมีบัตรเอทีเอ็ม มีคนละหลายใบด้วย ใช้เป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้น การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่านั้น ผมอยากให้พี่น้องประชาชนเปิดใจ อย่าหลงเชื่อคำบิดเบือน

อย่างไรก็ตาม เป็นทางเลือกทั้งนั้น เป็นไปตามความสมัครใจ ใช้ก็ได้ไม่ใช้ก็ได้ แต่เรียนให้ทราบว่าปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนขอใช้บริการแล้วกว่า 9,700,000 ราย ทั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายดิจิตอลอิโคโนมีของประเทศ

3. การลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย สำหรับผู้ว่างงาน หรือผู้มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี สัญชาติไทย อายุ 18 ปี ขึ้นไปนะครับ ในช่วง 15 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม นะครับ 1 เดือนเท่านั้น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ ข้อมูลดังกล่าวจะเชื่อมโยงไปยังฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของ กระทรวงมหาดไทย เพื่อประมวลผลข้อมูลผู้ที่จะได้รับ จริงๆ มีการประเมินอยู่แล้ว ทีนี้ถ้าสามารถทำได้โดยเจ้าของเอง มันจะชัดเจนขึ้น มีการตรวจสอบกับข้อมูลอื่นได้ด้วย เพื่อเราจะได้นำมาจัดสวัสดิการอื่นทางสังคมได้ในอนาคต ของเดิมอย่าห่วง ไม่มีการตัดอะไรทั้งสิ้น อย่างน้อยก็เท่าเดิมอยู่ระยะแรก ต่อไปจะพัฒนาให้มากขึ้นเพื่อให้มีรายได้ของประเทศมากขึ้น โดยโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐนี้ เป็นหนึ่งในบูรณาการฐานข้อมูลบริการสังคม ตามแผนยุทธศาสตร์เรื่องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เรื่องระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ

ทั้งนี้ เพื่อให้การออกแบบสวัสดิการมีความเหมาะสม สมเหตุสมผล ไม่ให้มีการใช้งบประมาณแบบเหวี่ยงแหลงไป หรือประชานิยมในสิ่งไม่ถูกต้อง หรือไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ตรงกับความต้องการที่แท้จริง ทุกคนกลับไปอยู่ที่เดิมหมด ทั้งหมดเป็นอย่างนั้นอยู่ มันต้องเปลี่ยนแปลงนะ มันทำให้เราประหยัดงบประมาณลงได้มาก ใช้ได้ถูกต้องนะ ทำให้ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน หรือใช้เงินภาษีประชาชนอย่างไม่มีประสิทธิภาพ อย่าไปเชื่อว่าจะเอาไปใช้ประโยชน์ เก็บภาษี ในเมื่อตัวเลขของการประเมินภาษีแจ้งด้วยตัวเองอยู่แล้ว รายได้ไม่ถึง ก็ไม่เสียอยู่แล้ว รัฐบาลจะเก็บภาษีจากคนไม่มีรายได้เพียงพอตามเกณฑ์ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อย่าไปเชื่อเขา มีแต่ถ้ารัฐบาลมีสตางค์มากขึ้น มีรายได้เศรษฐกิจดีขึ้น เป็นไปได้หรือไม่ที่จะหาเงินให้ใส่ในบัญชีให้ หลายประเทศเขาก็ทำแบบนี้ เพื่อจะส่งเสริมความเข้มแข็งเป็นรายครอบครัว รายครัวเรือน ทำนองนี้ เพื่อให้เขายกระดับรายได้มากขึ้น เพื่อจะไปสู่ฐานภาษีในอนาคต คือมีรายได้เพียงพอนะครับ และสูงกว่าเกณฑ์ภาษี ไม่ดีใจหรือครับ ถ้าเราพ้นจากสถานะเหล่านั้นได้ เราต้องช่วยตัวเอง รัฐบาลจะช่วยในสิ่งที่ถูกต้อง ที่เราทำได้ ไม่ประชาสัมพันธ์ หรือโฆษณาชวนเชื่อ เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องเรียนรู้

สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งกับประเทศชาติคือ คำว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หลายครั้งแล้ว มีการบิดเบือนอยู่ ผมขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง หลายประเทศนั้น มีการทำยุทธศาสตร์ชาติ มีทุกประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศ โดยมีทิศทางที่ชัดเจน ประเทศไทยไม่เคยมีมาก่อนเลย ผมไม่ทราบเพราะเหตุใดนะ วันนี้ เรามีวิสัยทัศน์ของประเทศเป็นหลักชัย แต่ทั้งนี้ จะทำอย่างไรที่จะบรรลุสู่ เป้าหมายคือความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มันมีหลักการอยู่แล้ว ทางวิชาการก็มีอยู่จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศ จะทำอย่างไรว่าประเทศไทยในอีก 20 ปีข้างหน้าจะเกิดความเป็นธรรมในสังคม ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ มีระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง มีเศรษฐกิจดิจิตอล ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้รับการดูแล การพัฒนาทั้งในภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคการบริการ มีความเข้มแข็ง และประชาชนมีรายได้สูงขึ้นเพียงพอ มีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน ดีขึ้น และประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่เรามีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นในเวทีระดับโลก โดยจะต้องมีการบริหารจัดการภาครัฐที่เป็นระบบ แบบบูรณาการ และการให้บริการภาครัฐที่มีธรรมาภิบาล เน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อจะรองรับการพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน และให้มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพ

คนไทยจะต้องได้รับการศึกษาเพื่อพัฒนาตนเองตลอดชีวิต มีจิตสำนึกในความเป็นไทย โดยยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนั้น จะเป็นเพียงกรอบแนวทางกว้างๆ เพื่อจะนำไปสู่การปฏิบัติในอนาคต ซึ่งประกอบไปด้วยยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ยุทธศาสตร์ก็คือสิ่งที่เขียนเอาไว้กว้างๆ แต่จะทำหรือไม่ทำก็เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ได้แก่ 1. ด้านความมั่นคง 2. ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3. ด้านการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม 4. การสร้างการเจริญเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 5. ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ และ 6. ด้านการพัฒนาและส่งเสริมสร้างศักยภาพคน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา

ในทุกด้านที่ผมกล่าวมาแล้วนั้น อย่างไรก็ตาม ต้องอาศัยปัจจัยไปสู่ความสำเร็จ 3 ประการด้วยกัน คือ 1. ต้องมีการวางระบบและมีกฎหมายที่รองรับ 2. ต้องสร้างกลไกไปสู่การปฏิบัติที่สอดคล้องกัน และ 3. ต้องได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนในสังคม ร่วมมือกันนะครับ เพราะประเทศชาติเป็นของพวกเราทุกคน ทั้งเกือบ 70 ล้านคนในปัจจุบัน

โดยสรุปแล้วยุทธศาสตร์ชาตินั้นไม่ได้ไปบังคับใครทั้งสิ้นเลย เพียงแต่ขอให้ทุกรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ให้เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เราทำทุก 5 ปีอยู่แล้ว และคราวนี้กำลังจะก้าวไปสู่ปี 60 ในส่วนของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนที่ 12 ขอสภาพัฒน์ และแผนการปฏิรูปที่ทาง สปท.ได้ทำไว้ล่วงหน้า ทั้ง 2 คณะที่ผ่านมา มันก็จะเดินหน้าไปตามนี้ แต่จะทำหรือไม่ทำ ทุกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็พิจารณาว่าจะทำหรือไม่ทำนะ ประชาชนก็ต้องดู ศึกษาดูว่าทำแล้วมันดีหรือไม่ดี หรือไม่ได้ทำแล้วมันไม่ดีอย่างไร ก็ไปว่ากันเอาเอง รัฐบาลนี้ก็พยายามจะทำเป็นแนวทางแรกๆ ไว้ในช่วงปฏิรูประยะที่ 1 เท่านั้นเอง อันนี้ก็ฝากไว้ด้วย อย่าให้ใครมาบิดเบือน ว่าผมจะไปยึดอำนาจ ครองอำนาจไว้ยาวนาน ไม่ใช่ เป็นอำนาจของประชาชน ให้ประชาชนมีอำนาจอย่างแท้จริง ในการที่จะกำกับดูแลการทำงานของฝ่ายบริหารบ้าง ไม่ใช่อย่างที่ผ่านมา ก็มีปัญหามาตลอด

ผมขอยืนยันว่า ทุกความเข้าใจ ทุกความร่วมมือของพี่น้องประชาชน หากฟังผมดีๆ แล้ว จะไม่สูญเปล่า มันจะเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนผ่าน การเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ที่ผ่านมานั้นทั้งรัฐบาลและ คสช.ก็พยายามทำหน้าที่ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจมาเกือบ 2 ปีแล้ว ที่กำลังเข้ามาดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ต้องขอขอบคุณทุกคน ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง และให้ความร่วมมือ

ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมานั้น ผมได้ติดตามข่าวสาร จากภาพทางโทรทัศน์บ้างอะไรบ้าง ตามสื่อ ก็เห็นภาพประเทศของเรานั้นเต็มไปด้วยความสงบสุข อาจจะมีบางกลุ่ม บางคนอยู่บ้าง ซึ่งไม่ยอมยุติอะไรทุกอย่าง แม้กระทั่งวาระในการทำบุญ แสดงว่าไม่สนใจอะไรเลย แต่สิ่งที่ผมชื่นชมก็คือว่า คนไทยเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์นะ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ น้อยมากที่ไม่สนใจ ผมเห็นภาพการร่วมกันทำบุญ ทำกิจกรรมทางศาสนา ค่าใช้จ่ายในเรื่องของการทำบุญทำกุศลมากขึ้น เป็นวาระงานแต่ละกิจกรรมเพิ่มขึ้น 20-30 เปอร์เซ็นต์ เงินก็มาหมุนเวียน ทำให้เศรษฐกิจระดับล่างได้มีการขยับบ้าง ก็ทำให้ผมรู้สึกดี ที่คนไทย เมืองไทยนั้นพยายามที่จะกลับมามีแต่ความสันติเหมือนเมื่อก่อน มีการทำบุญทำกุศล ท่องเที่ยว ไปมาหาสู่ซึ่งกันและกัน ไม่ทะเลาะแตกแยกกัน

ความจริงแล้วผมคิดว่าคนไทยนั้นไม่ได้มีความแตกแยกกันในจิตใจเลยนะ แต่อาจจะมีความแตกต่างทางความคิดอยู่บ้าง แต่ขณะเดียวกันก็มีคนอยู่ไม่กี่คน ไม่กี่พวก ที่ยัดเยียดเอามาให้ เอาสิ่งที่มันบิดเบือนบ้าง อะไรบ้าง เพื่อจะหวังประโยชน์ด้วยการยัดเยียดเข้ามา ยัดเยียดความคิดเหล่านั้นเข้ามา ทำให้คนแบ่งแยกเป็นพวกเป็นฝ่ายหมด ผมมองอย่างอื่นไม่ได้หรอกครับ ก็หวังเพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง อาจจะไม่ได้คำนึงถึงประเทศชาติหรือส่วนรวม หรืออนาคตของประเทศ และลูกหลานอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่เขาดีอยู่แล้วล่ะ มีไม่ดีอยู่ไม่เท่าไหร่ ก็อย่าให้คนไม่กี่คนทำให้ประเทศชาติไม่สงบสุขก็แล้วกันนะครับ

ผมขอให้ทุกคนมีสติ ร่วมกันทำเพื่อชาติ ลำพังผมเอง รัฐบาล และ คสช. ไม่อาจจะทำสำเร็จได้ เราต้องการความร่วมมือจากทุกคนด้วยการสานพลังประชารัฐ ช่วยกันนะครับ ช่วยกันผ่านวันเวลาที่ยากลำบากของประเทศไทยไปให้ได้พร้อมๆ กัน เราจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”
กำลังโหลดความคิดเห็น