ตัวแทนชาวบ้านเขาใหญ่ ร้องผู้ตรวจฯ สอบกรมทางหลวงเวนคืนที่ดินสร้างมอเตอร์เวย์ไม่ชอบ พบพิรุธหักคอสลักหลังต้นขั้วโฉนดเป็นกรรมสิทธิ์หลวง ทั้งที่ชาวบ้านยังไม่ยินยอม แถมเตรียมถมทางน้ำสร้างเซอร์วิสเซ็นเตอร์ ไม่ทำอีไอเอ หวั่นกระทบระบบนิเวศ แฉเอกชนรอลงทุน 6 จุดพักรถ ทั้งที่เส้นมีแค่ร้อยกว่าโล
วันนี้ (14 ก.ค.) ตัวแทนชาวบ้านทีได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน นครราชสีมา เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำอันมิชอบของกรมทางหลวง จากการเดินหน้าก่อสร้างโครงการดังกล่าวทั้งที่ยังไม่รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ โดยมีนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวและรับปากว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ
ตัวแทนชาวบ้านชี้แจงว่า แนวเส้นทางของโครงการดังกล่าวผ่าน อ.ปากช่อง ใน 4 ตำบล ประกอบด้วย ต.กลางดง หนองน้ำแดง หมูสี และขนงพระ โดยสร้างผลกระทบต่อประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดิน เนื่องจากเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์เป็นอันดับ 7 ของโลก ในการเวนคืนที่ดินกรมทางหลวงได้กำหนดราคาต่ำกว่าความเป็นจริงโดยให้ราคาตารางวาละ 500 บาท หรือไร่ละ 2 แสนบาท แตกต่างจากราคาตลาดที่มีราคาไม่ต่ำกว่า 10 ล้านต่อไร่ ทำให้ทางกรมทางหลวงนำมาอ้างว่า การก่อสร้างมอเตอร์เวย์ดังกล่าวราคาถูกกว่าการสร้างทางยกระดับคร่อมถนนมิตรภาพตามที่ชาวบ้านเรียกร้องเพื่อไม่ให้มีการเวนคืนที่ดิน ทั้งนี้ ยืนยันว่าแม้จะมีการเพิ่มราคาเวนคืนให้แก่ชาวบ้านก็ไม่ต้องการเนื่องจากอยากพักอาศัยในที่ทำกินเดิม
นอกจากนี้ช าวบ้านยังตั้งข้อสังเกตว่า โครงการมอเตอร์เวย์ดังกล่าวมีการเดินหน้าอย่างรวดเร็วในรัฐบาล คสช.ทั้งมีการชะลอโครงการมา 5 รัฐบาลแล้วเพราะรับฟังเสียงชาวบ้าน แต่เมื่อถึงรัฐบาลนี้ทางการอ้างว่าเป็นนโยบาย ทำให้มีการเร่งดำเนินการ โดยพบความผิดปกติมีการสลักหลังโฉนดที่ดินต้นขั้วของชาวบ้านที่อยู่ในครอบครองของสำนักงานที่ดินว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของกรมทางหลวงแล้ว ทั้งที่ชาวบ้านยังไม่ได้ตอบรับที่จะขายหรือรับเงินค่าเวนคืน อีกทั้งการก่อสร้างโครงการนี้ยังมีบางจุดที่ต้องถมลำธารสาธารณะบริเวณ ต.หนองน้ำแดง ถึง ต.ขนงพระ ความยาวกว่า 1 กิโลเมตร โดยไม่มีรายงานชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อมว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนเส้นทางน้ำแล้วจะเกิดผลอย่างไรต่อระบบนิเวศ
“ก่อนหน้านี้ได้ไปยื่นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อให้มีการประชุมร่วมกับชาวบ้านเมื่อเดือน เม.ย. แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ โดยอ้างเพียงว่าต้องเดินหน้าตามนโยบายทั้งที่ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เคยมีนโยบายยกเลิกโครงการนี้แล้วสร้างรถไฟรางคู่แทนซึ่งจะไม่ต้องมีการเวนคืนที่ดินจำนวนมากจนกระทบกับชาวบ้านเหมือนโครงการมอเตอร์เวย์ อยากให้สื่อฯ ช่วยตรวจสอบว่าเหตุใดตลอดเส้นทางมอเตอร์เวย์ที่จะสร้างขึ้นที่มีความยาวเพียงร้อยกว่ากิโลเมตร กลับมีจุดพักรถ หรือเซอร์วิสเซ็นเตอร์มากถึง 6 จุด โดยมีเอกชนแสดงความจำนงที่จะลงทุนแล้วในขณะที่ยังไม่มีเอกชนรายใดเข้าประมูลเพื่อก่อสร้างเส้นทางนี้เลย”