xs
xsm
sm
md
lg

“นปช.” ล็อกเป้าถล่ม “ประวิตร” คิดการใหญ่-แผนปาไข่เน่าลงทุนต่ำหวังผลเลิศ !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา




“ขอสื่อสารไปยัง พล.อ.ประวิตร (วงษ์สุวรรณ) ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง ขึ้นชื่อเป็นซูเปอร์รัฏฐาธิปัตย์ และคิดจะเป็นนายกฯ ในอนาคต กว่าจะถึงวันนี้ได้ พล.อ.ประวิตร ต้องมีจิตใจนักเลง รักษาคำพูด และทราบว่าอะไรคือการรังแกประชาชน ขอให้ท่านยุติการคุกคามประชาชน และขอให้เลิกดำเนินคดี”

คำพูดดังกล่าวของ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ถือว่าพุ่งเป้ากล่าวหาตรง ๆ และชัดเจนต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือว่านี่เป็นครั้งแรกก็ได้สำหรับการกล่าวหาประเภทนี้สำหรับคนในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคนในรัฐบาล

ที่ผ่านมา อาจมีการพูดวิเคราะห์ หรือประเมินจากบทบาทและอำนาจหน้าที่ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดูแลหน่วยงานด้านความมั่นคงแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวมไปถึงการดูแลงานทางด้านเศรษฐกิจประเภทที่เป็นโปรเจกต์สำคัญก็มอบหมายให้อยู่ในมือของเขาเกือบทั้งหมด ดังนั้น ภาพที่ออกมาจึงมองกันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นี่แหละคือ “ผู้มีอำนาจตัวจริง” ทั้งในรัฐบาล และ คสช. แต่ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีการระบุตรง ๆ แบบนี้มาก่อน

แน่นอนว่า เมื่อออกมาจากปากของ จตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งเป็นประธาน นปช. ก็มองเป็นอื่นไม่ได้นอกจากต้องการให้เป็นประเด็นทางการเมือง หวังผลบางอย่างซ่อนอยู่ ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากสถานะและแบ็กกราวนด์ที่ผ่านมา ก็ต้องยอมรับว่าเป็นการกล่าวหาที่ไม่เกินจริงนัก

แต่คำถามก็คือ ทำไมจู่ ๆ จตุพร พรหมพันธุ์ ถึงได้โพล่งแบบนี้ออกมา เหมือนโยนระเบิดเข้าไปกลางวง ซึ่งแน่นอนว่า เสี่ยงที่จะบาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่าย นั่นคือ ทั้งฝ่ายคนขว้างใส่ กับคนที่ถูกขว้าง อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากผลที่คาดว่าจะตามมา ก็พอมองได้ว่า มีเจตนาจะสื่อสารไปให้สังคมได้เห็น ให้สังคมได้หวาดระแวง มองเห็นว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีเบื้องหลัง และมีเป้าหมายข้างหน้าซ่อนอยู่อย่างไร เป็นเหมือนกับกระทบชิ่งไปถึงการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกด้วย

ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ทำไม จตุพร พรหมพันธุ์ ถึงได้เจาะจงพุ่งเป้ามาที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำไมไม่พุ่งตรงมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ หัวหน้า คสช. สาเหตุอาจเป็นเพราะว่า เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นจุดแข็ง ยังได้รับความศรัทธาสูง ดังนั้น ก็ต้องเลือกเป้าอื่น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า พล.อ.ประวิตร นี่แหละที่หากพิจารณาจากสังคมชาวบ้านยังมองด้วยความ “หวาดระแวง” ยังเป็น “จุดอ่อน” ของรัฐบาล และ คสช. ภาพของ “พี่ใหญ่” ที่มีเครือข่ายพวกพ้องกว้างขวางบางครั้งก็ต้องยอมรับว่าเป็นภาพที่ติดลบ

อีกด้านหนึ่งการกล่าวหาตรง ๆ แบบนี้มันเหมือนกับการ “ตอกลิ่ม” หรือ “บ่าง” ที่เสี้ยมให้เกิดความหวาดระแวงกันเองภายใน อีกทั้งก็เหมือนกับการได้เอาคืนหลังจากที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร มีท่าทีแข็งกร้าวต่อกลุ่ม นปช. โดยเฉพาะสั่งห้ามขาดไม่ให้ตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ

แต่ที่บอกว่านี่คือ การขว้างระเบิดเข้าไปกลางวง ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ อาจบาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่าย แต่นาทีนี้ฝ่ายที่เจ็บตัวก่อนค่อนข้างแน่ ก็คือ ฝ่าย จตุพร กับพวกที่ต้องโดนข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ห้ามชุมนุมเกินห้าคน จากการเคลื่อนไหวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ โดยล่าสุด โดนตัวแทนฝ่ายกฎหมายของ คสช. เข้าแจ้งความต่อกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับพวกเขา และเจ้าหน้าที่มีหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อหาในวันที่ 30 มิถุนายน นี้

สำหรับรายชื่อแกนนำ นปช. ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีจำนวน 19 คน ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ นพ.เหวง โตจิราการ นายนิสิต สินธุไพร นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ นายยงยุทธ ติยะไพรัช นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ นายสมหวัง อัสราษี นายยศวริศ ชูกล่อม นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ นายเกริกมนตรี รุจโสตถิรพัฒน์ นายอารี ไกรนรา นายสมชาย ใจมุ่ง นายศักดิ์รพี พรหมชาติ และ นายพรศักดิ์ ศรีละมุล

ดังนั้น หากพิจารณาจากความหมายหลังจาก ที่ จตุพร พรหมพันธุ์ กับพวกรวม 19 คน ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ห้ามชุมนุมเกินห้าคน จากการเคลื่อนไหวตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ ซึ่งพวกเขายังกังวลอาจจะมีแรงสั่นสะเทือนต่อเนื่องในเรื่อง “การถูกถอนประกัน” หากเกิดขึ้นจริงมันก็จบเห่ เพราะหมายถึงการต้องเสี่ยงนอนคุก หรือถูกสั่งห้ามทำธุรกรรมทางการเงิน ทุกอย่างภายใต้ “สถานการณ์พิเศษ” ย่อมเป็นไปได้เสมอ

ขณะเดียวกัน เมื่อรู้ว่าชะตากรรมข้างหน้าดูแล้วน่าหวาดเสียว มันก็จำเป็นที่จะต้องขอเอาคืนได้บ้าง ด้วยการลากเอาอีกฝ่ายลงมาคลุกฝุ่น ซึ่งก็เลือกจุดอ่อนในจุดแข็ง ก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่ใหญ่” คสช. ให้สังคมเกิดความระแวง ว่า คนนี้แหละที่อยู่เบื้องหลัง “คิดการใหญ่” เหมือนกับการ “ปาไข่เน่า” เข้าใส่ เป็นการลงทุนน้อย แต่ก็ทำให้ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วได้เหมือนกัน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น