xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ปลื้มโทร.แจง UN ลั่นห้ามโกงชาติเดินหน้า ไล่แดงสู้คดี แนะรับมือน้ำท่วม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(แฟ้มภาพ)
“ประยุทธ์” ย้ำต้องสร้างสมดุลปัญญา-จิตใจ สร้างชาติเข้มแข็ง ปลื้มโทร.แจงเลขาฯ UN รับเน้นพัฒนาการศึกษา ยกทหารสละชีวิตรักษาแผ่นดิน กร้าวไม่ยอมให้มีทุจริต ชาติต้องเดินหน้า แย้มลดจำนวน ขรก. แขวะไม่ต้องซื้อดอกไม้เพื่อไปสวรรค์ เอาแค่ศีล 5 ทำให้ได้ เอาศักดิ์ศรีชีวิตรับรองทำให้ชาติดีที่สุด เตือนรับมือน้ำท่วม ยัน กทม.ยังไงก็ไม่รอด ฉะคนไม่ดีทำหนักแผ่นดิน ย้อนคิดประหลาดตั้งศูนย์ปราบโกงฯ ไล่สู้คดี

วันนี้ (20 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน และแสดงปาฐกถาพิเศษในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน CONNEXT ED (The Leadership Program for School Partner) ภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐ ด้านการศึกษาพื้นฐาน และการพัฒนาผู้นำ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ประวัติศาสตร์คืออนาคต อย่างน้อยรัฐบาลก็ได้วางยุทธศาสตร์ชาติไว้อีก 20 ปี โดยเฉพาะการปฏิรูปประเทศซึ่งทุกคนต้องนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ วันนี้เราต้องสร้างความสมดุลระหว่างสติปัญญา และจิตใจ เพื่อสร้างมาตรฐานบ้านเมืองให้มีความเข้มแข็ง ขณะนี้ตนเริ่มเห็นรอยยิ้มของทุกคนทำให้มีกำลังใจมากขึ้นในการทำงาน ปัญหาของโลกมีมากทั้งเรื่องความขัดแย้ง ภัยพิบัติ อากาศเปลี่ยนแปลง ภัยจากพวกเดียวกันเอง โดยเฉพาะคนไทยด้วยกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ตั้งแต่เช้ามาเจอแต่สิ่งดีๆ โดยเช้าวันเดียวกันนี้ตนได้พูดคุยกับนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ผ่านทางโทรศัพท์ประมาณ 30 นาที ส่วนใหญ่ตนเองเป็นคนพูดประมาณ 25 นาที โดยทางเลขาฯ ยูเอ็นก็ตอบรับเพียงตกลง ที่ผ่านมาเลขาฯ ยูเอ็นก็รับฟังตนมาตลอด ตนพยายามอธิบายทุกอย่างเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และพร้อมที่จะชี้แจงทุกเรื่อง ไม่อยากให้มีความกังวลไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทุกคนก็ให้โอกาสตนได้ชี้แจงเสมอโดยเฉพาะช่วงที่เดินทางไปต่างประเทศ ทุกคนก็ยินดีกับเราในการที่จะทำงานต่างๆ เพื่อประเทศไทย และมิตรประเทศ

“วันนี้เราไม่ได้ทำเพื่อผม ไม่ได้ให้คนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ทำให้กับประเทศและส่วนรวม ซึ่งก็ได้จบไปแล้ว หลังจากที่ผมได้พูดคุยกับเลขาฯ ยูเอ็นก็ได้พบกับ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ถือเป็นเพื่อนบ้าน และมิตรประเทศ ได้คุยกันหลายประเด็นในการหารือร่วมกันในกระทรวงการต่างประเทศ ทุกอย่างต้องมีข้อสรุปให้ได้ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาซึ่งอยู่กับผู้บริหาร นั่นก็คือการเมืองว่าให้ความสำคัญแค่ไหน วันนี้แม้ผมจะทำหน้าที่การเมืองแต่ผมไม่ใช่นักการเมือง ผมต้องการทำให้กับทุกคน เพื่อการศึกษาไม่ใช่ทำให้คนมีคุณวุฒิอย่างเดียว แต่จะต้องทำให้มีทั้งจริยธรรมและคุณธรรม ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องที่สอนยาก ทั้งๆ ที่ความจริงคนไทยทุกคนมีเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว แต่บางครั้งก็หลงลืมมีอะไรมาบิดเบือนไปบ้าง ทำให้คนไทยที่เคยมีน้ำใจ มีรอยยิ้มสยาม มีจิตสำนึก เผื่อแผ่แบ่งปัน หายไป ทุกศาสนาก็สอนไว้ ผมไปอินเดียมาขอแบ่งบุญมาให้กับทุกคน มีโอกาสได้ไปสวดมนต์ ใต้ต้นโพธิ์ที่องค์พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ โดยสวดเสร็จก็ฮือฮา เนื่องจากมีฝนตกลงมา ซึ่งหลายเดือนแล้วที่ฝนไม่ตก ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นหวัดหรือเปล่า แต่ไม่เป็นไรผมสู้ได้ เช้านี้ก็ดีขึ้นไม่ต้องกลัวว่าผมจะป่วย เพราะผมป่วยไม่ได้อยู่แล้ว ไม่มีป่วย เป็นทหารมาเกือบ 40 ปี ไม่เคยลาป่วยสักครั้งเดียว ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่วันนี้มีคนพยายามจะทำให้ผมป่วยอยู่เรื่อย ไม่มีทาง ผมมียาดีอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวยาของผมอยู่ที่ใจ ซึ่งผมพร้อมที่จะทำงานให้กับทุกคน เป็นสิ่งที่ผมยึดมั่นตลอดมา” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า โครงการผู้นำเพื่อการศึกษาที่ยั่งยืน ถือเป็นมิติใหม่ในการพัฒนาการศึกษา มีภาคเอกชน ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วม ที่ผ่านมาหลายคนระบุว่า รัฐทำให้การศึกษามีปัญหาซึ่งจะไม่มีได้อย่างไรในเมื่อเราไม่ให้ความสำคัญมากนัก ข้าราชการครูเองก็ลำบาก ซึ่งก็ต้องโทษคนที่เข้ามาบริหารประเทศ ตนก็คาดหวังว่าคนที่จะมายืนแทนตนจะต้องทำแบบที่ตนเองทำอยู่ ซึ่งทั้งหมดบรรจุไว้ในแผนปฏิรูปแล้ว ทุกอย่างจะต้องสอดคล้องกันกับแผนปฏิรูปประเทศ ส่วนเรื่องของการเมืองก็เดินไปตามครรลองอยากทำอะไรก็ทำ แต่สิ่งที่เป็นเพื่อชาติก็ต้องทำอะไรที่เป็นความก้าวหน้า เป็นความเติบโตของประเทศ ประชาชน ต้องทำเป็นโครงการระยะยาว ส่วนการเมืองก็แบ่งกันไป จึงจะเรียกว่าเป็นการเมืองที่มีประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เป็นสากล นโยบายพรรคก็เป็นเรื่องของนโยบายพรรค เพื่อให้ได้คะแนนเสียงก็ว่าไป แต่อย่าทำให้ประเทศชาติต้องถอยหลัง หรือติดกับดักตัวเอง เหมือนที่เคยเป็นมาแต่ส่วนตัวคิดว่ามันต้องดีขึ้น

“ปัญหาของประเทศไทยคือการติดกับดักตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของกฎหมาย เพราะฉะนั้นจากนี้ไปเราอย่ามัวแต่คิดถึงตัวเองเพียงอย่างเดียวต้องคิดถึงคนอื่นด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งไว้ว่า จะต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาเราทิ้งโอกาสให้เป็นวิกฤตปล่อยให้ผมสู้คนเดียว วันนี้ต้องช่วยผมด้วย ให้ผมสู้คนเดียวผมสู้ได้แน่นอน แต่ถ้าทุกคนช่วยก็จะเสร็จเร็วขึ้น อย่าไปสร้างความขัดแย้ง อย่าไปคล้อยตาม เพราะบางคนไม่ได้หวังดีกับเรามาก ผมไม่ได้อวดอ้างที่พวกผมเข้ามาเพราะพวกผมรักชาติอยู่คนเดียว มันไม่ใช่ แต่อย่าลืมว่าแผ่นดินนี้พวกผมสละชีวิตรักษาเอาไว้ให้พวกท่าน ผมจะปล่อยให้ใครมาทำลายไม่ได้ ก็ไปช่วยกันดูว่าใครทำลายบ้าง ทหารของผมทั้ง 3 เหล่าทัพตายไปไม่รู้กี่คน บรรพบุรุษไทยก็ร่วมกันต่อสู้ แล้ววันนี้เราจะมาแตกแยก แบ่งแยกก็เพราะคนไม่กี่คนอย่างนั้นหรือ กฎหมายอยู่ตรงไหนก็ว่ากันตรงนั้น และสิ่งที่สำคัญที่สุด การศึกษาต้องสอนให้คนเคารพกฎหมาย แล้วจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ ผมขอยืนยันอีกครั้งว่าจะไม่ยอมให้เกิดการทุจริตอย่างเด็ดขาด ถ้ามีก็ขอให้ฟ้องร้องขึ้นมา ผมจะนำเข้าสู้กระบวนการยุติธรรม ศาลจะเป็นผู้ตัดสิน แต่ถ้ามาต่อต้านศาลยุติธรรมก็คงไม่ใช่ จะปล่อยให้มีการเกี้ยเซี้ยก็คงไม่ได้ และผมก็ไม่คิดที่จะไปเกี้ยเสี้ยะกับใคร ผมไม่ได้ไปร่วมอะไรกับใคร ประเทศชาติจะต้องเดินหน้า เรื่องที่ทะเลาเบาะแว้งไปอยู่ข้างหลังโน้น ไปอยู่ในส้วม ข้างส้วม เพราะอะไรที่จะเดินหน้าก็ต้องออกทางประตูหน้า ไม่เช่นนั้นจะไปเจอกับประชาคมโลกได้อย่างไร” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า อนาคตข้างหน้าจำนวนข้าราชการจะต้องลดลง แต่ยังไม่ใช่วันนี้เพราะยังไม่มีอะไรมาทดแทน ทุกคนจึงยังต้องทำงานหนักไม่มีโอกาสได้คิดมากนักเพราะที่ผ่านมาติดปัญหาการเมือง ตนได้สั่งลงไปแล้ววันนี้ต้องคิดและทำให้จบในช่วงเวลาที่มีอยู่ ตนอาจจะติดนิสัยทหาร แต่ทุกอย่างต้องทำให้สำเร็จ

นายกฯ กล่าวว่า ผู้นำต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง เอาปัญหาไปสู่กระบวนการวิเคราะห์ว่าจะต้องแก้อย่างไร โดยไม่ให้เกิดปัญหาใหม่อีก โดยทุกคนต้องร่วมมือพร้อมใจที่จะปฏิรูปด้วย คนที่จะเป็นผู้นำต้องดูว่ามีคุณธรรมจริยธรรมหรือเปล่า ทุกภาคส่วยไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ เอกชน ข้าราชการ รัฐบาล จะต้องนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ ซึ่งเวลานี้เป็นช่วงเวลาท้าทายอย่างยิ่ง เราจะแก้ปัญหาและเดินหน้าประเทศอย่างไร จะปรับกฎกติกาอย่างไรให้ชนกัน จะต้องเคลื่อนไหวให้เกิดการปฏิรูปให้ได้ โดยหวังอย่างยิ่งว่าทั้ง 12 องค์กรที่มาร่วมสานพลังประชารัฐนี้ น่าจะทำให้เกิดผลได้ภายในปี 2560 ตั้งศูนย์ประชารัฐใน 7 พันกว่าหมู่บ้านให้ได้ เพื่อให้คนได้กลับไปทำงานยังบ้านเกิด ไม่ใช่มารวมกันทำงานและเรียนอยู่ที่ กทม.หมด วันหน้าจะต้องไปเจริญเติบโตตามภูมิภาค ทั้งโรงพยาบาล การค้าขาย ธุรกิจทั้งหมด เพราะวันนี้ใน กทม.ไม่สามารถรับคนเพิ่มได้อีก ต้องทำเมืองอื่นให้เป็นเมืองใหญ่ เหมือน กทม.ในอนาคตด้วยการวางแผนความเชื่อมโยง แต่ว่าพอจะทำอะไรก็ค้านกันทักเรื่อง วันนี้การแก้ปัญหาตนแก้ในเชิงรัฐศาสตร์ด้วย ถามว่าใครเคยแก้แบบนี้บ้าง

นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องการศึกษากำลังปรับให้ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาผู้กำหนดนโยบายไม่ชัดเจน ตนให้เกียรติทุกคนไม่เคยรังแกข้าราชการ เรามีหลายวิธีการที่น้องร่วมด้วยช่วยกัน สิ่งสำคัญสุดต้องนำสิ่งที่ในหลวงทรงตรัสไว้ในเรื่องการศึกษามาใช้และปรับปรุง ประยุกต์นำเอาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ด้วย เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน ภาสใต้ความรู้คู่คุณธรรม โดยภูมิคุ้มกันจะเป็นสิ่งสำคัญสุด คนรุ่นใหม่จะต้องมีภูมิคุ้มกันตัวเอง มีความดี มีศีลธรรม

“เอาแค่ศีลธรรม 5 ข้อทำให้ได้ ไม่ต้องไปเป็นพระสงฆ์ 227 ข้อ แค่นี้ก็ขึ้นสวรรค์แล้ว ไม่ต้องไปเสียตังค์ซื้อดอกไม้ที่ไหน แค่ทำบุญด้วยดอกไม้กำเดียวก็ขึ้นสวรรค์กันทุกคน แต่ถามว่าสวรรค์เคยมีใครไปแล้วกลับมา ก็ไม่มีหรอก ผมไม่เคยดูหมิ่นใครทั้งสิ้น แต่ผมพูดถึงความสุขของผมเอง ผมนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรมวินัย ผมบวชมาหลายครั้งตอนเป็นทหาร แต่ไม่ใช่สามโบสถ์ ยังเชื่อได้อยู่” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ถ้าบ้านเมืองยังเป็น อยู่อย่างนี้รัฐบาลใหม่ใครก็ไม่รู้ที่จะเข้ามา อาจจะดีก็ได้ ใครคิดว่าจะดีกว่านี้ลองยกมือ หรือคิดว่าจะแย่ แต่ก็ไม่กล้ายกกัน ไม่ต้องกลัว ตนพยายามทำทุกอย่างให้สามารถทำต่อได้ ทั้งเรื่องกฎหมาย ความเท่าเทียม การค้าเสรี ข้าราชการก็ต้องมีมาตรการคุ้มครองดูแลให้เขา ไม่อย่างนั้นก็ติดคุกเป็นแถว ซึ่งวันนี้ยังมีการว่าข้าราชการทำผิดเอง นโยบายไม่ผิด ข้าราชการต้องทำตัวให้แข็งแรงโดยไม่ละเมิดวินัยใคร ไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ให้รัฐบาลทำงาน ซึ่งจะต้องแก้ ปัญหาระยะยาวหลายเรื่อง

“เอาคดีความต่างๆ ซึ่งทำให้ประเทศเราไม่ได้รับความเชื่อมั่นต่างๆ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ฉะนั้นสิ่งใดก็ตามที่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้ ก็ต้องทำ ถามว่าคนทั้งประเทศต้องการให้ไม่มีความสงบเกิดขึ้นในไทยหรือเปล่า ใครอยากให้มีการตั้งศูนย์อะไรนั่นขึ้นมาหรือไม่ เคยถามประชาชนว่าอยากมีไหม วันนี้ทุกประเทศเขามองว่าประเทศไทยมีเสถียรภาพที่สุด ตนไปมาทุกประเทศ ถามว่าตนจะรับรองเขาได้หรือไม่ว่า ประเทศไทยจะไม่เป็นอย่างนี้ แล้วตนจะรับรองได้หรือไม่ แต่ตนกล้ารับรอง โดยใช้ศักดิ์ศรีและชีวิตรับรอง และจะทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพื่อตน หรือประเทศไทยอย่างเดียว แต่ทำเพื่ออาเซียนประชาคมโลก ข้อสำคัญคือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางร่วมมือกันทุกประเทศ เพราะทุกประเทศรอบบ้านเกี่ยวข้องกันหมดทั้งต้นทางกลางทางปลายทาง” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า ตอนนี้โลกเปลี่ยนแปลงเกิดปรากฏการทางสภาพภูมิอากาศ ที่มีทั้งทำให้ฝนตกยาวขึ้น ตกข้ามปี จึงขอให้เตรียมความพร้อมที่จะรับสถานการณ์หากน้ำท่วม ซึ่งจะไม่ให้เกิดเลยก็ไม่ได้ เพราะพื้นที่ประเทศไทยต่ำ โดยเฉพาะกรุงเทพฯยังไงมันก็ท่วม ถ้าไม่อยากให้ท่วมก็ไปอยู่ที่อื่นเพราะทำไม่ทัน ไปหาที่อยู่สูงๆเอาแล้วกัน คงไม่ไล่ไปดาวอังคารหรอก

“แล้วเดี๋ยวสื่อจะไปพาดหัวข่าวว่านายกฯ ไล่คนไปนอกประเทศ เป็นพยานให้ด้วย วันนี้ไม่ได้ไล่ แต่ต้องมาช่วยกันทำให้ประเทศสูงขึ้น เพราะมันต่ำอยู่แล้ว ถ้ามีคนไม่ดีมันก็หนักแผ่นดินมากขึ้น จะจมลงไป เพราะไอ้คนไม่ดีเหล่านี้ รับรองพรุ่งนี้สู้กันอีก วันนี้เตรียมตั้งท่ากันแล้ว ว่าผมพูดเมื่อไหร่ก็ตามจ้องจะเอามาพูดมาสู้ผม อย่าลืมว่าผมมีอำนาจตามกฎหมายอยู่ วันนี้ไม่ต้องมาพูดเรื่องประชาธิปไตย กำลังทำประชาธิปไตยให้ก็เดินหน้าไปจะมาอะไรกับผมนักหนา” นายกฯ กล่าว

จากนั้นนายกฯ ได้หันไปถามพิธีกรดำเนินรายการชายว่า เรียนจบต่างประเทศมาหรือไม่ เมืองนอกเขามีตั้งศูนย์ปราบโกงจับโกงแบบนี้ไหม ถ้าไม่มีแล้วจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเป็นแบบนั้น ไม่ให้มีคนคิดประหลาดแปลกๆ แบบนี้ ทำเพื่อตัวเองกันทั้งสิ้นนั่นแหละ ความใหญ่เยอะแยะไปหมดยังออกมาแสดงปัญญาอีก โน่นไปเตรียมสู้คดีกันโน่น เดี๋ยวคดีใหม่มาอีกก็จะวุ่นวายอีก ประชาชนก็เดือดร้อนอีก บอกว่าถูกชักจูงชักนำมา ส่วนนักเรียนก็บอกว่าครูพามาเพราะฉะนั้นครูก็ต้องไปดู อย่าให้มันเกิดขึ้นผมไม่เชื่อหรอกแต่เคยเห็นในคลิปนะที่สอนเด็กในห้องพูดว่าเผด็จการมีนะบางโรงเรียน เดี๋ยวก่อนเดี๋ยวก่อนแต่ก็ไม่โกรธเพราะโกรธไม่ได้เขาไม่เข้าใจ

นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ขอให้ทุกคนช่วยกันลดจุดอ่อนเสริมจุดแข็ง ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันทั้งภาคเอกชน ภาคการศึกษา รัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ที่ช่วยกันขับเคลื่อน เรากำลังเดินหน้าไปด้วยกัน ทุกคนก็ทำงานไม่มีวันหยุดราชการ วันเสาร์-อาทิตย์ก็ทำงาน แม้ตนไม่เจอหน้าก็สั่งให้เค้าทำงานทางไลน์ ตนไม่ให้เขามีความสุขอยู่แล้วถ้าผมไม่มีความสุข เป็นแบบนี้ทุกกระทรวง ผมทราบอะไรก็ส่งให้เป็นเรื่องที่ส่งให้ทราบเฉยๆ ว่าเค้ามองเราอย่างไร ตนเป็นคนละเอียดเลยทำให้ผมหงุดหงิดบ้างเป็นธรรมดาไอ้คนที่ชอบตนก็โอเคอยู่แล้ว ใครก็ชอบถ้ามีใครมาชม แต่นั่นแหละคือสิ่งที่มากดดันตน เพราะเขาคาดหวังให้ตนทำให้เสร็จอย่างที่เด็กบอกว่าพ่อเขาชื่นชม ส่วนหนึ่งผมก็ดีใจแต่อีกส่วนหนึ่ง ตนจะทำให้เขาได้หรือไม่นี่คือสิ่งที่กดดัน คือเรื่องความรับผิดชอบ ไม่ใช่ให้คนมาชอบเยอะเยอะแล้วมาปรบมือ มันไม่ใช่ตนไม่ใช่คนแบบนั้น แต่วันนี้ตนก็คิดว่าจะมีอะไรดีดีที่เกิดขึ้น

นายกฯ กล่าวว่า ฝากงบการเรียนรู้และความรับผิดชอบต่อสัมคม (ซีเอสอาร์) ด้วย และฝากดูกิจกรรมด้านศึกษารวมถึงสิ่งแวดล้อม ตอนนี้ตนกำลังแก้ไขปัญหาน้ำเสียและขยะอยู่ ที่ผ่านมารัฐบาลอื่นทำไม่ได้ ขณะนี้ตนได้ขับเคลื่อนในหลายๆโครงการ เพราะฉะนั้นปัญหาใดที่ทำไม่ได้ตนจะพยายามหาทางทำให้ได้ แต่หากรัฐบาลทำฝ่ายเดียวคงไม่เกิดผล ส่วนท้องถิ่นต้องลงไปช่วยดู ถ้าไม่อยากใช้ไฟฟ้าราคาถูกก็ต้องเตรียมซื้อไฟฟ้าราคาแพง เพราะวันนี้เราจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ ทั้งนี้ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะไม่สนับสนุนพลังงานทดแทน แต่ต้นทุนการผลิตติดตั้งพลังงานทดแทนราคาค่อนข้างแพง เมื่อแพงค่าไฟจึงเพิ่มขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำว่า เดี๋ยวหากมีฝนลงตกลงมาแล้วน้ำท่วมรัฐบาลก็โดนอีก ตอนนี้ตนกำลังแก้ไขอยู่ แก้ที่ระบบท่อระบายน้ำเพราะไม่เคยทำติดกันอยู่ที่ท่อระบายน้ำ ติดอยู่ที่อีไอเอมันเลยเดินต่อไปไม่ได้ ช่วยกันดูว่าอะไรจำเป็นต่อประเทศชาติ ต้องดูเสียงประชาชนส่วนใหญ่ว่าเขาต้องการอะไร ส่วนเรื่องที่กินที่เราจะนำมาทำประโชน์นั้นเราติดเรื่องกฎหมาย


กำลังโหลดความคิดเห็น