“ประวิตร” ย้ำดีแล้วปิดศูนย์ฯ แดง อยากตรวจสอบให้ร่วมมือ กกต. สวน “จตุพร” แปลคำนายกฯ ผิด ชี้พูดว่าตั้งได้แต่ผิด กม.จะตั้งอย่างไร ขู่เคลื่อนไหวโซเชียลฯ บิดเบือนเจอดี เชื่อไม่มีปัญหา UN ขออย่าเพิ่งป่วนรอประชามติก่อน เตือน “เจ้าสัวบุญชัย” เชิญสาวกธรรมกายสวดมนต์แล้วขวางการทำงาน จนท.มีความผิด ไม่ห้ามใครนับถืออะไร ยันไร้คำสั่งจับตายแกนนำ ลั่นไม่ทำอะไรเฮงซวย ปราบมาเฟียคืบไปมาก
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ ห้าม กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) เปิดศูนย์ปราบโกงประชามติว่า ดีแล้ว เพราะที่ผ่านมาตนเคยบอกแล้วว่าอย่าไปตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าว แต่ไม่ได้ห้ามเรื่องการตรวจสอบ เพราะมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งนี้ คิดว่าอยากให้ไปร่วมมือกับ กกต. เพราะไม่ได้ห้ามให้ประชาชนมีส่วนร่วม อีกทั้ง กกต.จะได้วางรูปแบบว่ามีแนวทางอย่างไร โดย นปช.ไม่จำเป็นต้องมาดำเนินการเอง เพราะไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาต่างคนต่างตั้ง จนเกิดปัญหาวุ่นวาย
“ผมไม่ได้บอกว่าไม่ให้มีการป้องกันการทุจริต แต่จะทุจริตอย่างไรยังมองไม่ออก จะโกงอย่างไรได้ เพราะทุกอย่างมีขั้นตอน และมีเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามที่ กกต.กำหนด” พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามว่า นปช.สามารถไปประสาน กกต.เพื่อดำเนินการได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นปช.ต้องไปคุยกับ กกต.ว่ามีวิธีการอย่างไร เพราะเป็นหน้าที่ กกต.ในการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
เมื่อถามถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช. โจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ว่าเป็นคนกลับกลอก พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นายจตุพรคงไม่เข้าใจ เพราะท่านนายกฯ บอกว่าตั้งศูนย์ฯ ได้ แต่ผิดกฎหมาย แล้วจะตั้งได้อย่างไร นายกฯท่านพูดแบบนี้ ในแง่ข้อกฎหมาย ส่วนตนบอกมาตั้งนานแล้วว่าตั้งไม่ได้ ส่วน นปช.จะไปเคลื่อนไหวในโชเชียลมีเดียนั้น คิดว่าทำไปเลยถ้าประชาชนยอมรับ ไม่ใช่เรื่องของตน แต่ถ้ามีการบิดเบือนก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมทั้งยืนยันว่าศูนย์ดังกล่าวไม่มีเปิดในทุกจังหวัด ถ้ามีก็ต้องถูกจับกุม เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามอยู่
เมื่อถามว่า คสช.ต้องสั่งการอะไรพิเศษหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ต้องสั่งการอะไรพิเศษ เพราะมีกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าบิดเบือนต้องโดนจับ ส่วนที่ นปช.จะไปหารือกับองค์การสหประชาชาตินั้น คิดว่าก็คุยไป แต่ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในประเทศ และ คสช.ก็ไม่ได้ไปละเมิดสิทธิมนุษยชนกับ นปช. อย่างไรก็ตามเราทำตามกฎหมาย และคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
“ผมขอร้องว่า นปช.อย่าออกมาปั่นป่วนเลย รอให้ถึงวันที่ 7 สิงหาคมเพื่อทำประชามติเสร็จก็ว่ากันไป ส่วนที่มีการระบุว่าจะไม่มีการทำประชามติเกิดขึ้นนั้น ผมยืนยันว่าวันที่ 7 สิงหาคมยังมีการลงประชามติ เพราะทุกอย่างต้องเดินตามกรอบโรดแมป หากไม่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายจนไม่สามารถลงประชามติได้ ถ้าเหตุการณ์ปกติ ทุกอย่างต้องเดินตามนี้” พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่นายบุญชัย เบญจรงคกุล หรือเจ้าสัวบุญชัย ชวนลูกศิษย์วัดพระธรรมกายออกมาปฏิบัติธรรมและแผ่เมตตาว่า จากการติดตามข่าวตนทราบว่าเป็นการเชิญชวนประชาชนมาเพื่อสวดมนต์ แต่ถ้าเป็นการปลุกระดมประชาชนให้มาปกป้องถือว่ามีความผิด แต่คิดว่าเรื่องนี้เป็นคนละกรณีกัน เพราะการที่นายบุญชัยออกมานั้นเป็นการเชิญชวนให้ออกมาสวดมนต์กันมากๆ อย่างไรก็ตาม หากมีการต่อต้าน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระหว่างดำเนินการถือว่าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
เมื่อถามว่าสังคมมีการจับตาว่ามีนักธุรกิจใหญ่ และคนในรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนพระธัมมชโย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมไม่ทราบว่ามีนักธุรกิจคนไหน แต่สื่อคิดไปเอง เมื่อคิดเองถามเองก็ตอบเองแล้วกัน ผมจะไปตอบได้อย่างไรเพราะไม่ทราบ อยากถามอะไรก็ตอบไปเอง”
เมื่อถามย้ำว่าในรัฐบาลมีใครเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่ทราบ ใครจะนับถืออะไร ไม่มีใครห้าม
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าส่วนตัว พล.อ.ประวิตร เคยไปวัดพระธรรมกายหรือไม่ รองนายกฯ ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่เคยไป เพราะตนเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า และทุกคนที่เป็นพระ
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่บนโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่เอกสารที่อ้างว่าเป็นเอกสารทางราชการ จำนวน 2 แผ่น มีเนื้อหาระบุว่าด่วนมาก จากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมณฑลทหารบกที่ 38 (กกล.รส.มทบ.38) ถึงหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ เกี่ยวกับแผนการดำเนินการกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยแบ่งประเภทบุคคลเป้าหมายที่มีรายละเอียดของความเคลื่อนไหวและวิธีการดำเนินการ เช่น แกนนำฮาร์ดคอร์หัวรุนแรงที่ขัดขวางการทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ดำเนินการจับตายหากมีการขัดขืนว่า ตนยังไม่เห็น เพราะยังไม่มีการส่งมาให้ตนตรวจสอบ แต่คิดว่า พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ตนยืนยันว่า คสช.ไม่เคยมีคำสั่งดังกล่าว เพราะบ้านเมืองมีกฎหมาย และไม่ทำอะไรที่เฮงซวย เพราะทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล และต้องมีพยานหลักฐานในการดำเนินการ ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ตาม เพราะเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการจัดระเบียบผู้มีอิทธิพลที่มีรายชื่อ 6,000 คน ขณะนี้เจ้าหน้าทึ่ดำเนินการไปมากแล้ว แต่มีหลายจังหวัด ตนก็ไม่ทราบรายละเอียด เพราะมีเจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะไม่มีผู้มีอิทธิพลในประเทศนี้