สะเก็ดไฟ
ตื๊อไม่เลิก แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยังเดินหน้ายื่นหนังสือถึงองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อร้องเรียนหลัง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ปิดประตูล็อกกุญแจไม่ให้เปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ แถมยังคำรามใส่ ถ้าดื้อแพ่งจะใช้กฎหมายไล่หวดไม่ยั้ง
แม้ที่สุดศูนย์ปราบโกงฯ จะต้องเป็นหมัน แต่อย่างน้อยๆ มุกตีปี๊บฟ้องโลกก็หวังจะกวักมือเรียกต่างชาติให้หันมาสนใจการทำประชามติ ในวันที่ 7 ส.ค.กันมากขึ้น พ่วงกับคนในประเทศให้กลับมาเพ่งเล็งเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ หลังกระแสมันจางไป ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องร่างรัฐธรรมนูญกันมาตั้งแต่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญปิดจ๊อบ ไม่สามารถแก้ไขเนื้อหาอะไรได้อีก
โดยธรรมชาติของคน นปช.ก็มองออกว่า ถ้าปล่อยให้ฝ่ายรัฐเร่งประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้คนออกไปทำประชามติกันเยอะๆ ในขณะที่ซีกตัวเองนิ่ง ไม่ทำอะไร โอกาสที่ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็นก็มีสูง มีแต่คนหนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ออกไปใช้สิทธิ ส่วนมวลชนเสื้อแดงย่อมเสี่ยงจะนอนหลับทับสิทธิกันเยอะ เพราะไม่ใช่กิจกรรมของตัวเอง
การทำประชามติ กับการเลือกตั้งไม่เหมือนกัน โดยการเลือกตั้งคนตื่นตัวกว่าเยอะ เพราะมีเรื่องของตัวบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง มีเรื่องความชอบและความไม่ชอบ ทว่าการทำประชามตินั้น ประชาชนส่วนใหญ่มองเป็นเรื่องไกลตัว ยอมรับความจริงกันแบบไม่ดัดจริต วันนี้มีคนได้อ่านร่างรัฐธรรมนูญ แบบละเอียดกันสักกี่คน หรืออ่านแล้วเข้าใจถูกต้องตามที่เขียนเอาไว้ หรือไม่
เรื่องผลข้างเคียงที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับผลกระทบ เรื่องการต่อท่ออำนาจของทหาร มีแต่ฝ่ายการเมืองที่เดือดเนื้อร้อนใจ ชาวบ้านชาวช่องมองเป็นเรื่องของการทะเลาะกันของฝ่ายขัดแย้งมากกว่า เอาเป็นว่า 7 ส.ค. ไม่ครึกครื้นเหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไปแน่ ดังนั้นการจะเอาคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งมาวัดผลแพ้ชนะในครั้งนี้จึงไม่แน่นอนเสมอไป
แต่ถ้าสร้างกระแสให้เกิดประเด็นในสังคม ไม่ว่าจะด้วยการนำเรื่องใดมาผูกโยง เพื่อให้คนกลับมาจับจ้องที่ร่างรัฐธรรมนูญ โอกาสที่มวลชนจะตื่นตัวขึ้นมาก็พอมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันทำประชามติ ถ้าฝ่ายใดสามารถชิงความได้เปรียบในพื้นที่สื่อ ก็เหมือนเป็นการปลุกฝั่งตัวเองให้ออกมาเยอะๆได้เช่นกัน
ไม่ต่างจากปรากฏการณ์ที่แกนนำพรรคเพื่อไทย 17 คน ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ โดยอ้างเป็นความเห็นส่วนตัว ที่สามารถชิงพื้นที่สื่อไปได้หลายวัน แถมยังได้กำไร หลังองคาพยพทำแบบเดียวกันในโซเชียลมีเดีย กลายเป็นแคมเปญยอดฮิตของแฟนคลับค่ายสีแดง ที่แม้จะเป็นแค่การยั่วประสาท แต่ก็ทำให้เกิดประเด็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญอีกครั้ง
จับยามสามตา แคมเปญแบบนี้มาอีกแน่ ไม่ว่าจะทางนปช. หรือพรรคเพื่อไทย ที่ต้องประคองกระแสเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ให้อยู่ในความสนใจของมวลชนไปเรื่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้ฝั่งตัวเอง ออกไปลงประชามติไม่เอาร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในเดือนสุดท้ายก่อนคืนหมาหอน ที่ต้องหาอีเวนต์ให้เป็นกระแสเอาไว้
ขณะที่ศูนย์ปราบโกงประชามติเอง นอกจากจะใช้ยั่วประสาท บิ๊ก คสช.แล้ว จริงๆ นปช.เองหวังเอาไว้เยอะเหมือนกันว่า ถ้าสามารถตั้งได้จะมีผลดีต่อคะแนนฝั่งไม่เอาร่างรัฐธรรมนูญ เพราะจะเป็นศูนย์บัญชาการเชื่อมโยงกันระหว่างแกนนำส่วนกลาง กับแกนนำระดับพื้นที่ ให้สามารถกลับมาจูนกันได้อีกครั้ง หลังสัญญาณขาด การเคลื่อนไหวในพื้นที่ไม่สามารถกระดุกกระดิกได้เลย มีทหารตามประกบติดเป็นเงาตามตัว
การกลับมาลิงค์กันติดอีกครั้ง จะทำให้แกนนำส่วนกลางสามารถให้ทิศทาง และแนวทางการขับเคลื่อนกับระดับพื้นที่ได้ เพื่อไปประสานกับมวลชน เบื้องหน้าอาจจะเป็นเรื่องการปราบโกงประชามติ แต่ลับหลัง อาจมีคุยกันถึงการเคลื่อนไหวอื่นๆ เพราะช่องเปิดให้แล้ว
ปัจจุบันการพูดผ่านสื่อของแกนนำส่วนกลาง ไม่สามารถกระตุ้นความตื่นตัวของมวลชนในพื้นที่ได้เท่าไร แต่ถ้ามีการปลดล็อกให้แกนนำระดับพื้นที่ ที่จะมาในรูปของเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบโกงฯ ขยับได้ เกมมวลชนที่หลับใหลมานาน จะกลับมามีชีวิตชีวาทันที แกนนำจะสามารถทำพื้นที่ และชักจูงได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทางหนึ่งก็มีคนนินทา หมาดูถูกกันว่า วันนี้ที่แกนนำพยายามเดินหน้าเต็มพิกัด ส่วนหนึ่งก็อยากให้ท่อน้ำเลี้ยงที่หยุดสนิทมานานไหลอีกครั้ง เพราะถ้าศูนย์นี้ได้น้ำเลี้ยงดี การขับเคลื่อนของฝ่ายต้าน จะกลับมาอีกครั้ง
ทว่า สัญญาณจากแดนไกลยังนิ่ง ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดก๊อกให้ ทำให้ศูนย์นี้ยังมีแค่ชื่อ การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ยังเป็นนามธรรม หรือแค่ป้ายชื่อศูนย์เท่านั้น การที่คุยโอ่จะเปิด 17 ศูนย์ ที่ภาคเหนือ โอกาสจะได้ตามเป้าประสงค์เป็นเรื่องยาก เพราะแต่ละศูนย์ต้องใช้เงินในการขับเคลื่อนทั้งนั้น เงินไม่มา งานไม่มีทางเดิน
เสียงลือเสียงเล่าอ้างดังว่า วันนี้ นปช.ส่วนกลางควักกระเป๋าเอง โดยส่งไปให้แต่ละศูนย์ๆ ละประมาณ 3 หมื่นบาท ในขณะที่บุคลากรที่แต่ละศูนย์ต้องใช้มีเป็น 10 คน ลำพังค่าแรงในช่วง 2 เดือนก่อนวันประชามติยังไม่พอ บางพื้นที่โชคดี มีอดีต ส.ส. หรือผู้ที่ต้องการจะลงรับสมัคร ส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทย ลงขันช่วย แต่อีกหลายพื้นที่ ยังนิ่งสนิท เพราะในฝั่งแกนนำพรรคเพื่อไทยเอง ก็ยังนิ่งๆ ไม่กล้าลงไปคลุกคลีกับ นปช.มาก ไม่รู้จะทำสำเร็จไหม
อีกอย่างที่ผ่านมาก็เคยมีแผลระหองระแหงกัน ระหว่างแกนนำส่วนกลางกับแกนนำระดับพื้นที่ เพราะเคยมีการให้ควักกระเป๋าก่อน แต่สุดท้ายเกิดรายการเบี้ยวจ่าย จนหลายคนยังระแวง ไม่ทำอะไรให้ก่อนแน่ ถ้าค่าใช้จ่ายไม่มา ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ อะไรที่เข้าเนื้อคงต้องหลีกเลี่ยงไว้ก่อน
งานนี้เลยต้องพึ่งท่อน้ำเลี้ยงจากแดนไกลเท่านั้น ซึ่งก็ยังนิ่ง เหมือนอยากจะรอดูว่า คสช.จะเอาอย่างไรกับศูนย์นี้ ถ้ายอมให้เคลื่อนเต็มที่ มีสิทธิ์จะยอมเปิดก๊อกให้ แต่ถ้าไม่ยอม จ่ายไปก็เหมือนเอาเงินไปให้แกนนำถลุงเล่น โดนหลอกกินเหมือนที่ผ่านๆ มา
ดูท่าแล้ว ท่อน้ำเลี้ยงน่าจะรอไหลทีเดียวตอนเลือกตั้ง เพราะมันได้เนื้อได้หนังกว่า เปิดก๊อกให้ตอนนี้ก็ทำอะไรได้ไม่มาก เสี่ยงจะเสียเงินเปล่าๆ วันนี้ยังเข็ดกับอดีต ในขณะที่แกนนำเอง ถ้าไม่ได้ท่อน้ำเลี้ยงช่วย ศูนย์นี้สุดท้ายก็ไปไม่รอดนอกจากได้แค่ป่วนๆ ไปวันๆ
แบบว่า อะไรๆ มันก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น!