“รองนายกรัฐมนตรี” ไม่แสดงความเห็นลูกศิษย์วัดอ้างไม่มอบตัวเพราะไม่เป็นประชาธิปไตย ยันอ้างกันไม่ได้กับการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ ฟังไม่ขึ้น ยันผู้ปฏิบัติไม่หวั่นไหว เจอมาเยอะ ชี้หมายค้นหมดอายุก็ขอหมาย โยนกรมสอบสวนคดีพิเศษวินิจฉัยขัดขวางงานหรือไม่ บอกเห็นใจพยายามลุยอย่างละมุนละม่อม ขอให้เข้าใจด้วย
วันนี้ (17 มิ.ย.) ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.45 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการต่อลูกศิษย์วัดพระธรรมกายที่ขัดขวางการการเข้าตรวจค้นวัดเพื่อนำตัวพระธัมมชโยไปดำเนินคดี ว่าขอให้เป็นเรื่องที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นผู้พูดเอง ส่วนเงื่อนไขของลูกศิษย์ที่บอกว่าพระธัมมชโยจะมอบตัวเมื่อประเทศเป็นประชาธิปไตยแล้วนั้นก็รับทราบไว้ แต่ไม่ขอแสดงความเห็นใดๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามกฎหมายแล้วเงื่อนไขนี้สามารถอ้างได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อ้างไม่ได้ และไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปชี้แจงว่าใช้ข้ออ้างนี้ไม่ได้
“ความจริงอย่าว่าแต่การตั้งเงื่อนไขแบบนี้เลย เงื่อนไขอื่นใดก็ตามก็ตั้งไม่ได้ทั้งนั้นกับการที่จะเข้าไปใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ การออกหมายค้น และเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติตามหมายค้น หรือการออกหมายจับ การเข้าไปดำเนินการตามหมายจับ ทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้อยู่แล้วว่าเมื่อไหร่จะออกหมายได้ ถ้าไม่มีหมายทำไม่ได้ และถ้าฝ่าฝืนหมายจะต้องทำอย่างไร มันมีกระบวนการของมันอยู่ ดังนั้นใครจะมายกข้อแก้ตัวอื่นใดไม่ได้ จะบอกว่าไม่ว่าง รอโน่นรอนี่ ไม่ได้ อาจจะยกมาได้แต่ฟังไม่ขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเขาไม่ได้หวั่นไหวอะไรตรงนี้อยู่แล้ว เพราะเขาเจอมาเยอะแล้วที่ไปดำเนินการตามหมายศาลแล้วโดนขัดขวาง และหากหมายค้นหมดอายุแล้วก็ไม่เป็นไร ไปขอใหม่ได้ จะขอทุกวันก็ได้ ไม่แปลกอะไร” นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามว่า การที่ศิษยานุศิษย์ไปนั่งสวดมนต์ที่หน้าวัดจำนวนมากแบบนั้นถือเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขอไม่ตอบ ให้เจ้าหน้าที่วินิจฉัยเอง
“เท่าที่ฟังการแถลงของเจ้าหน้าที่ก็เห็นว่าเขาพูดดี และผมก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่พยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างละมุนละม่อม อาจไม่ถูกใจหรือไม่สะใจใครบางคน แต่ในฐานะผู้ปฏิบัติตามกฎหมายก็ต้องชั่งน้ำหนักว่าผลดีและผลเสียเป็นอย่างไร เขารู้ดี ส่วนคนอื่นอาจจะไม่รู้ ก็แสดงความเห็นไป แต่อยากให้เข้าใจหัวอกของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้วย” รองนายกฯ กล่าว