รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุมอบหมายสำนักพุทธฯ ทำงานร่วมกับคณะสงฆ์และดีเอสไอ เชื่อเหตุขัดขวางจับพระธัมมชโย สังคมเห็นแล้วอะไรถูกไม่ถูก ไม่เข้าใจถูกตั้งเงื่อนไขมอบตัวเมื่อเป็นประชาธิปไตย ย้ำเดี๋ยวก็อ้างเงื่อนไขอื่นอีก ไม่ตอบรัฐบาล-คสช.ถูกหักหน้าหรือไม่
วันนี้ (17 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำหมายค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อติดตามจับกุมตัวพระธัมมชโยในข้อหาฟอกเงิน รับของโจร เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.แต่ไม่พบตัว ทั้งบรรดาลูกศิษย์ยังพยายามขัดขวางการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ว่า ตนได้มอบหมายให้ พศ.ทำงานร่วมกับคณะสงฆ์และดีเอสไออยู่เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น และให้เรื่องจบลงโดยที่สังคมยอมรับ และเหตุการณ์เมื่อวานนี้ดีเอสไอทำตามหน้าที่ความรับผิดชอบตามข้อกฎหมาย ส่วนจะทำได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ดีเอสไอคงพิจารณามาตรการเพื่อดำเนินการต่อไป เพราะถือเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจติดตามและวิพากษ์วิจารณ์ เชื่อว่าสังคมเห็นแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม จากการที่ตนทำงานร่วมกับคณะสงฆ์ก็มีหน้าที่สำคัญเพื่อให้กิจการของพระพุทธศาสนาเดินไปในทางที่ถูกต้องเหมาะสม เรื่องนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญที่จะใช้ดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร นายสุวพันธุ์กล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมาย ยังไงก็ต้องจบด้วยข้อกฎหมาย ถ้าทุกฝ่ายเดินตามข้อกฎหมายมันจะไม่มีประเด็นยืดเยื้อหรือข้อขัดแย้ง ขอให้รอดูดีเอสไอว่าจะมีมาตรการอะไรต่อไป”
เมื่อถามย้ำว่า การที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายยื่นเงื่อนไขว่าพระธัมมชโยจะมอบตัวก็ต่อเมื่อประเทศเป็นประชาธิปไตยแล้ว นายสุวพันธุ์กล่าวย้ำว่า การปฏิบัติตามกฎหมายจะมีเงื่อนไขอื่นขึ้นมาได้หรือไม่ ตนไม่เข้าใจ ไม่เช่นนั้นถ้าทุกคนมีเงื่อนไขเช่นนี้ก็จะอ้างเงื่อนไขต่อๆ ไป เราต้องยึดเงื่อนไขของกฎหมาย การตั้งเงื่อนไขบางอย่างสังคมรู้และเข้าใจดีว่าเป็นอย่างไร สังคมเรียนรู้อะไรได้เยอะแล้ว
เมื่อถามว่า การที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายยื่นเงื่อนไขดังกล่าวเป็นการหักหน้ารัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่ นายสุวพันธุ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว