อดีตประธาน กก.ปฏิรูปพุทธศาสนา ซัดธรรมกายเผยธาตุแท้เกี่ยวข้องการเมือง หลังอ้างมี ปชต.ที่แท้จริงถึงมอบตัว “ธัมมชโย” และไม่คิดเข้ากระบวนการยุติธรรมแต่แรก เหตุก่อนหน้าเล่นมุกอ้างป่วยตลอด แถมลูกศิษย์กลืนน้ำลายขวางการจับกุม ชี้สังคมเห็นข้อเท็จจริงแล้ว เผย DSI ทำตาม กม. หมายค้นรอบสองจะทำงานง่ายขึ้น เชื่อใช้เวลาไม่นาน
วันนี้ (17 มิ.ย.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว 57’ กรณีที่วัดพระธรรมกายออกแถลงการณ์ว่าให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยก่อน พระธัมมชโยจึงจะมอบตัวว่าข้ออ้างนี้ถือเป็นการเปิดเผยธาตุแท้ 2 ประการ คือ 1. การที่อ้างว่าวัดธรรมกายไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่กลับอ้างเหตุผลว่าไม่เป็นประชาธิปไตยเลยไม่มอบตัวนั้น แสดงว่าพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายนั้นมีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองหรือกับนักการเมืองโดยตรง
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ประการที่ 2 ข้ออ้างนี้แสดงให้เห็นว่าพระธัมมชโยนั้นไม่มีความประสงค์จะเข้าต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่แรก ในตอนแรกก็อ้างว่าป่วยหนัก ต้องพักถึง 15 วัน ต่อมาก็มาอ้างว่าต้องพักรักษาตัวถึง 2 เดือนข้ออ้างนี้ ตนคิดว่าก็ไม่ใช่ความจริงเช่นกันเพราะตอนนี้ก็เปลี่ยนข้ออ้างว่าต้องการประชาธิปไตยให้สมบูรณ์เสียก่อน
เมื่อถามถึงความเห็นกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถูกวิจารณ์ว่าล้มเหลวในการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพื่อจับกุมพระธัมมชโยนั้น นายไพบูลย์กล่าวว่า ตนเห็นว่าดีเอสไอคาดนั้นทำตามหน้าที่ โดยเมื่อดีเอสไอได้ทราบว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดจึงได้ขอหมายค้นจากศาลและเข้าไปในวัด การกระทำแบบนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายอ้างว่าวัดพระธรรมกายจะไม่มีการใช้กำแพงมนุษย์ ไม่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ จะไม่หลีกหนีกระบวนการยุติธรรม และอ้างว่าวัดพระธรรมกายไม่เกี่ยวกับการเมืองนั้น สังคมก็เห็นแล้วว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นอย่างไร และที่สำคัญก็คงเห็นชัดแล้วว่าพระธัมมชโยนั้นน่าจะยังอยู่ในวัดจริงๆ
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า การดำเนินการของดีเอสไอนั้นตนคิดว่ามีขั้นตอนตามกฎหมายอย่างชัดเจนและประสบความสำเร็จในเบื้องต้น โดยมีการขอหมายเรียกก่อนเป็นครั้งๆ ไป จากนั้นจึงยกระดับเป็นการขอหมายจับจากศาล เช่นเดียวกับกรณีเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ก็ถือว่าเป็นปฏิบัติการตามหมายค้นครั้งแรก เมื่อเข้าไปจับกุมพระธัมมชโยแล้วโดนขัดขวางนั้น ดีเอสไอก็คงจะดำเนินการไปขอหมายค้นกับศาลเป็นครั้งที่ 2 ต่อไป ตนคาดว่าหมายค้นที่จะออกเป็นครั้งที่ 2 นั้นคงจะทำให้ดีเอสไอสามารถทำงานได้ดีขึ้นไม่มีข้อจำกัดเหมือนหมายค้นครั้งแรก หมายค้นครั้งแรกออกในพื้นที่ครอบคลุมแค่ 196 ไร่ของวัดธรรมกาย ซึ่งไม่รวมกับพื้นที่ที่ถูกขัดขวางการตรวจค้นในเขตประตู 7 ทำให้ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่หมายค้นครั้งต่อไปก็คงจะมีการขยายเขตเพิ่มเติมขึ้นอีก ในเขตพื้นที่ 2,000 ไร่ของวัดพระธรรมกาย
“ดีเอสไอทำตามกฎหมาย และในขณะเดียวกันก็ต้องการให้สังคมได้รับรู้ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร แล้วก็จะเกิดกระแสสังคมขึ้นจนกลายเป็นความชอบธรรมให้แก่ดีเอสไอในการยกระดับดำเนินการต่อพระธัมมชโยต่อไป ผมเชื่อว่าดีเอสไอคงจะใช้เวลาดำเนินการตรงนี้ไม่นานในการนำตัวพระธัมมชโยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และคงไม่เกินรัฐบาลนี้” นายไพบูลย์กล่าว