“ประยุทธ์” ลงพื้นที่ราชบุรี ย้ำไม่สามารถอยู่ประเทศเดียวบนโลกได้ บอกต่างชาติเข้าใจสถานการณ์ไทยกำลังปรับปรุงเพื่อ ปชต.ที่เข้มแข็ง เชิดชู “ในหลวง-ราชินี” มีคุณแผ่นดิน ขอโทษที่แสดงกิริยาไม่เหมาะ บอกเป็นคนร้อนใจ ขออย่าใช้สงครามไซเบอร์สร้างขัดแย้ง ย้ำไม่เคยคิดสืบทอดอำนาจ ชมนิทรรศการการบริหารจัดการน้ำ ย้ำให้อนุรักษ์ธรรมชาติรักษาน้ำรักษาป่า หนุนโอทอปต่อยอดระดับโลก
วันนี้ (8 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่คลองบางสองร้อย ต.ธรรมเสน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการบูรณาการการปรับปรุงและพัฒนาแห่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ กับประชาชนตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันโลกเดินเร็วมากกว่า 24 ชั่วโมงเกือบ 3 เท่า และโลกปัจจุบันก็มีหลายขั้ว หลายพันธสัญญา และเราไม่สามารถจะอยู่ประเทศเดียวได้ในบนโลกใบนี้ รัฐบาลจึงมีหน้าที่นอกเหนือจากการทำงานให้คนไทย 70 ล้านคนนั้น เรายังมีหน้าที่ต่ออาเซียน การเปิดตลาดค้าขาย ซึ่งทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกันทั้งสิ้น และสิ่งที่เราทำในวันนี้คือเราทำเพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯพระบรมราชินีนาถ สิ่งที่เราทำถือว่ามากขึ้นเป็น 2 เท่า และทำให้เราได้เห็นว่าการที่เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นทรงมีคุณอย่างไรต่อแผ่นดินนี้ เรามีประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์มายาวนาน ทุกรัฐบาลมีหน้าที่ที่จะก้าวทันโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศ แต่ต้องทำตามสัญญา ระเบียบและพันธะของโลกด้วย ถ้ามัวแต่มีแนวและวิสัยทัศน์แบบเดิมๆ ก็คงต้องยืนอยู่ที่เดิม รัฐบาลชุดนี้พยายามทำงานทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อส่งงานไปยังรัฐบาลที่เป็นธรรมต่อไป ซึ่งประชาชนก็ต้องคอยติดตามว่าการบริหารจะต่อเนื่องเชื่อมโยงได้อย่างไร สิ่งที่ตนพูดวันนี้ถือว่ามาจากใจและมาจากทุกคนในรัฐบาล สิ่งใดที่มาบิดเบือนจากสิ่งที่ตนพูดถือว่าไม่ใช่
นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งมานานแล้ว วันนี้ทุกคนจะต้องแสวงหาความร่วมมือให้ได้ ทั้งเรื่องการแบ่งปันทรัพยากรและเรื่องต่างๆ และหากรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศยังบริหารและแก้ปัญหาแบบเดิม ปัญหาก็จะตกอยู่ที่รัฐบาลและเกิดความล้มเหลว วันนี้รัฐบาลนอกจากจะดูแลผู้มีรายได้น้อยแล้วก็สร้างความเข้มแข็งควบคู่ไปด้วย แต่ถ้าเรามัวสร้างความขัดแย้งกันอยู่ ไม่สร้างความมีเสถียรภาพ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งนอกจากจะไม่กระตุ้นการใช้จ่ายทั้งในต่างประเทศแล้ว ก็จะเกิดปัญหาในแบบเดิม
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เราต้องเดินหน้าสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นของรัฐบาล วันนี้เราจะแบ่งแยกกันไม่ได้ ถือว่าเราเป็นพี่น้องกันทั้งประเทศ 76 จังหวัดบวกหนึ่ง เราต้องนึกถึงทุกคนนอกจากตัวเอง สำหรับผมยืนยันว่าไม่เคยคิดถึงตัวเอง คิดแต่เพียงว่าจะเดินหน้าประเทศได้อย่างไรในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง และสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งเพิ่ม แต่ผมขอยืนยันว่าถึงวันนี้หลายประเทศมีความเข้าใจ โดยเฉพาะมิตรประเทศของเราว่าเราจำเป็นต้องปรับปรุงประเทศของเราเพื่อเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และความเป็นสากลในอนาคต อย่าให้ความไม่เข้าใจมาตัดสินคนและบิดเบือน มาทำให้ประเทศไทยต้องถอยหลังกลับไปอีกเลย ขอให้ทุกคนเข้าใจ วันนี้อย่ามาถามผมว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ ผมก็ทำตามในสิ่งที่ได้อธิบายมาตลอดเวลา แต่ก็มีไอ้พวกคนที่ไม่อธิบายแต่คอยค้าน คิดจะทำอะไรก็ทำ ยืนยันผมไม่ใช่คนแบบนั้น พร้อมรับฟังเสียงทุกคน ทั้งจากสื่อ กลุ่มองค์กรต่างๆ ผมฟังหมด แม้แต่คนที่คิดไม่ดีผมก็รับฟัง เพราะผมจำเป็นต้องรับ เพราะผมต้องรับผิดชอบและดูแลคนทุกคน ถ้าเราไม่ฟังเราก็จะแก้ปัญหาไม่ได้และไม่ตรงจุด”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า “ทั้งสองพระองค์อยู่เคียงคู่กันมาตลอด วันนี้เราจะดำเนินรอยตามพระองค์ท่าน สิ่งที่จะทำให้ท่านมีความสุขมากคือประชาชนต้องรักให้มาก ร่วมมือกับรัฐบาล ผมขอแค่นี้ ขอแค่อย่างเดียวผมให้ประชาชนได้ทุกอย่าง ชีวิตผมก็ให้ท่านได้ หัวใจผมทุกคนได้ แต่รัฐบาลมีหลายส่วนซึ่งอาจะมีสิ่งที่บกพร่อง มีปัญหาก็แก้กันไป แต่ไม่ใช่เอาปัญหาเล็กๆ มาตีกัน ก็จะทำให้ไปไม่ได้ทั้งหมด ผมไม่ได้อยากทะเลาะเบาะแว้งกับใคร วันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องขอโทษทุกคนที่ผมอาจจะมีกิริยาที่ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง เพราะผมเป็นมนุษย์ เป็นคนร้อนใจ ทุกเรื่องที่ทำที่สื่อสารออกไปแล้วทำให้เกิดความขัดแย้ง ผมทนไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องมีหลักการและเหตุผลที่จะเชื่อ ควรไตร่ตรองให้ดี อย่าให้ถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ใช่”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการถ่ายทอดให้ประชาชนได้รับรู้ถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ ในสงครามไซเบอร์ถือว่าเป็นว่าเรื่องสำคัญในการใช้ระบบไอที โซเชียลมีเดีย สิ่งต่างๆ เหล่านี้มีทั้งคุณและโทษ ถ้าใช้ให้เกิดประโยชน์มันก็ดี จะไม่สร้างความขัดแย้ง สร้างความรักความสามัคคี แต่ถ้าท่านใช้เพื่อสร้างความเกลียดชังก็จะเป็นปัญหา ทั้งโลกไม่เหมือนประเทศไทย ที่เขียนถึงขาว เขียนถึงแดง เขียนให้ประเทศเกิดความขัดแย้ง ทำอย่างนี้ก็เดินหน้าไม่ได้ ตีกันเรื่องประชามติ แล้วจะเราจะทำอย่างไร ตนจะต้องบังคับท่านหรือยังไง เป็นเรื่องของท่านทั้งสิ้น ที่ตนพูดมาทั้งหมดท่านก็ต้องรู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ตนไม่ได้บังคับ บังคับไม่ได้ อย่าลืมว่าเราถูกมองจากโลกข้างนอกทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี ซึ่งหากท่านขยายสิ่งไม่ดีไปเรื่อยๆ แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร
“ท่านไม่ต้องเชื่อมั่นผม แต่ท่านจะต้องเชื่อมั่นตัวของท่านเอง เพราะประชาธิปไตยจะต้องฟังความคิดเห็นของท่าน และจะต้องนำความคิดเห็นมาเรียบเรียงทั้งหมดว่ากลุ่มไหนคิดอย่างไร ทั้งหมดคือสิ่งที่รัฐบาลจะต้องดูแล ทุกอย่างต้องตอบให้ได้ และจะต้องคิดถึงภาพรวมของประเทศ แต่ท่านไม่ฟังที่ผมพูดในรายการคืนความสุขให้คนในชาติทุกวันศุกร์เลย จะรู้เรื่องกันไหม และผมก็เป็นพูดเร็ว ก็ให้ไปดูย้อนหลัง ถ้าไม่ฟังกันเลย ดูแต่พาดหัวข่าวก็มีแต่เรื่องความวุ่นวาย ส่วนเรื่องดีๆ อยู่ข้างใน ท่านอยากเห็นประเทศเป็นแบบนั้นหรือ อยากเห็นความขัดแย้ง จะไปขยายในสิ่งที่ไม่ดีให้เขาทำไม ผมถามแค่นั้น ถ้าเอาสิ่งที่ไม่ดีมาพูดก็ทะเลาะกันอยู่แบบนี้ แล้วถามว่าจะให้ผมอดทนไปถึงไหน วันนี้อย่าลืมว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่เบาที่สุดแล้วในการเดินหน้าประเทศเพื่อนำไปสู่ 20 ปี ผมไม่ได้มองแค่วันนี้ ไม่ใช่เพื่ออยู่ในอำนาจ สืบทอดอำนาจ ไม่เคยคิดเลย คิดแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรในเวลาที่เรามีอยู่ซึ่งผมทำคนเดียวไม่ได้ รัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ ประเทศนี้อยู่ด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ต้องอยู่ด้วยกันทั้งประเทศ นั่นคือประชาธิปไตยที่ถูกต้อง”
นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีใครอยากใช้อำนาจถ้ามันดีอยู่แล้ว และการบริจัดการน้ำในพื้นที่คลองสองร้อยเองก็ต้องมีการเชื่อมโยงกับรัฐบาลในแผนงานเดียวกันทั้งระบบ นอกจากนี้ ขอฝากในเรื่องการฟื้นฟูป่าไว้ด้วย ชาวบ้านทุกคนหาต้นไม้คนละต้นไปช่วยทหารปลูกริมคลอง อยากปลูกอะไรก็ได้กล้วย อ้อย จะได้ไว้กินและเป็นทรัพย์ส่วนรวมแบ่งปัน นอกจากนี้ ฝากให้ประชาชนร่วมสร้างอนาคตตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ตนาดหวังว่าประเทศจะสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณชาว จ.ราชบุรี สำหรับการต้อนรับ เมื่อตอนเป็นทหารตนมาจังหวัดนี้บ่อย แต่ตอนเป็นนายกฯ แล้วไม่รู้ยังรักตนอยู่หรือเปล่า ตอนเป็นทหารก็รักหมดเพราะช่วยชาติ
ต่อมาเวลา 10.45 น. พล.อ.ประยุทธ์เยี่ยมชมนิทรรศการการบริหารจัดการน้ำและสินค้าโอทอป ภายหลังการเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “๗๐ ปี ครองราชย์ ประชารัฐรวมใจภักดิ์ รักษ์น้ำ ตามรอยพ่อ” สำหรับนิทรรศการการบริหารจัดการน้ำและสินค้าโอทอป ประกอบด้วย 1. นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ โดยกระทรวงกลาโหม 2. การบริหารจัดการน้ำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการปลูกหญ้าแฝกตามแนวพระราชดำริ 3. โครงการฝนหลวง 4. ยุทธศาสตร์น้ำของประเทศ การบริหารจัดการน้ำที่สำคัญแต่ละภูมิภาคและชุมชนที่ประสบความสำเร็จ และการจัดการน้ำแบบประชารัฐ 5.ก ารบรรเทาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดราชบุรีโดยพลังงานแสงอาทิตย์ “ธรรมเสน โมเดล” และ 6. การจัดแสดงสินค้าโอทอป
นายกฯ ได้กล่าวกับหน่วยงานราชการระหว่างการเยี่ยมชมนิทรรศการว่า ต้องดำเนินการให้ได้ตามแผนนโยบายที่วางไว้ และร่วมมือกันประสานงานระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อการบูรณาการบริหารจัดการน้ำ แก้ไขปัญหาภัยแล้ง รวมถึงจะต้องส่งเสริมสร้างการเรียนรู้ให้แก่ประชาชน เพื่อพัฒนาประเทศให้ได้ ให้ร่วมมือกันตามแนวทางประชารัฐ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ 20 ปี พร้อมกับย้ำเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติรักษาน้ำรักษาป่า ต้องร่วมกันบูรณาการให้ได้อย่างมีประสิทธิผลในระยะยาวต่อไป
นายกฯ กล่าวว่า ขอชื่นชมผลงานสินค้าโอทอปว่าสินค้าเหล่านี้เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่น่าชื่นชม เพราะเป็นการเสริมสร้างรายได้ด้วยตนเองซึ่งจะเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอีก รวมทั้งนายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมสินค้าและบริการจากหน่วยงานที่ส่งเสริมผู้ที่ไร้สมรรถภาพ ที่เป็นอีกช่องทางในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของประชาชน ซึ่งรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือและส่งเสริมให้การสนับสนุน ทั้งนี้ สินค้าโอทอปเหล่านี้ควรที่จะได้รับการต่อยอดไปในระดับโลก รัฐบาลพร้อมที่จะส่งเสริมให้อีกช่องทางหนึ่ง ส่งเสริมสร้างแหล่งความรู้ ศูนย์การเรียนรู้ทั่วประเทศ ทำให้เชื่อมโยงกันในทุกภาคส่วน รวมกันเป็นบริษัทประชารัฐอย่างที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ เพื่อพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ นายกฯ ได้มอบถังน้ำในโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจังหวัดราชบุรี (ถังน้ำกลาง ประชารัฐ) ให้แก่ผู้แทนผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกับทักทายสอบถามความเป็นอยู่ของประชาชนที่มาให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเองก่อนเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์กลับกรุงเทพฯ ในเวลา 11.45 น. โดยไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด