รองนายกฯ ระบุแม้ พ.ร.บ.ประชามติ ไม่ห้ามตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ แต่ คสช.มีกฎหมายอื่นที่เอาผิดได้หากกระทำการผิดกฎหมาย ปัดรัฐบาลยื้อเวลา หลังศาลรัฐธรรมนูญส่งตีความ ม.61 ชี้แม้คำวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็ไม่กระทบวันออกเสียงประชามติ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติว่า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ห้ามและไม่ได้บอกให้ตั้ง แต่การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นเรื่องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เขามีกฎหมายและคำสั่งอื่นอยู่ เขาอาจรู้เจตนา พฤติกรรม หรืออะไรมา เขาจะปรามอะไรก็มีอำนาจในส่วนนั้น ดังนั้น การตั้งศูนย์ดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมายประชามติ เว้นไปกระทำอะไรที่ขัดต่อข้อห้ามในกฎหมายประชามติ
ส่วนที่ฝ่ายการเมืองโจมตีว่ารัฐบาลต้องการยื้อเวลาทำประชามติ หลังผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความมาตรา 61 วรรคสองของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่าขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราวหรือไม่นั้น นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรก็ถูกจับผิดไปเสียหมด เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย เขายื่นกันมา ต้องไปถามคนยื่นว่าเขารู้กับรัฐบาลหรือไม่ สิ่งที่สงสัยกันคนอื่นทำทั้งนั้น ช่วยไปสงสัยคนอื่น รัฐบาลเป็นส่วนปลายทาง ยืนยันไม่ว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็ไม่กระทบต่อวันออกเสียงประชามติ 7 ส.ค. เพราะกฎหมายประชามติมีหลายหมวด ทั้งหมดยังอยู่ หมวดที่พูดถึงความผิดก็มีหลายมาตรา มาตราใหญ่คือ 61 ซึ่งก็มีหลายวรรค
“วรรคหนึ่งห้ามกระทำอะไรที่ขัดความสงบเรียบร้อย และวรรคสองเป็นการขยายความ ถ้าเอาวรรคสองออก วรรคหนึ่งยังคงมีอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้นต่อไปวรรคหนึ่งจะแปลได้เยอะ เพราะขณะนี้ถูกจำกัดให้แปลตามวรรคสอง อย่าไปตื่นเต้น ปล่อยไป รัฐบาลไม่ตื่นเต้นเรื่องนี้เพราะไม่กระทบอะไรต่อการลงประชามติ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปแก้ไขหรือเลิกอะไร หากศาลว่าผิดก็ไม่มีตรงนั้น ไม่ต้องใช้ตรงนั้น”