xs
xsm
sm
md
lg

“ไพบูลย์-มโน” ฟ้อง “ธัมมชโย” สอบตามกฎ มส. ชี้ส่ออาบัติพฤติกรรมแบบ “เณรคำ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ไพบูลย์-มโน” เตรียมยื่นหนังสือคำฟ้อง “ธัมมชโย” ต่อเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ชำแหละ 4 วีรกรรมอวดอุตริ ชี้เข้าข่ายอาบัติปาราชิกเทียบพฤติกรรมเหมือน “เณรคำ” ขอให้ไต่สวน 5 ข้อตามกฎ มส.เพื่อให้พิจารณาสละสมณเพศ

วันนี้ (1 มิ.ย.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ นพ.ดร.มโน เลาหวณิช อาจารย์วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า วันนี้ เวลา 13.30 น.พวกตนจะเข้ายื่นหนังสือคำฟ้องกล่าวหาพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย ที่ได้กระทำการอวดอุตริมนุสธรรม ล่วงละเมิดพระธรรมวินัยอันเป็นครุกาบัติ ต่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้พิจารณาชั้นต้น และพระราชวิสุทธิเวที เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะผู้พิจารณาชั้นต้น ที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร

นายไพบูลย์กล่าวว่า ได้ขอให้พระผู้ใหญ่ได้พิจารณาในพฤติกรรมของพระธัมมชโย ที่พวกตนกล่าวหาพระธัมมชโย คือ 1. การอวดอ้างว่าพบเห็นวิญญาณของนายชาติชาย โรจน์กีรติกาญจน์ อยู่สวรรค์ชั้นที่ 2 ฝากข่าวมาบอกลูกว่ามีความสุขสบายดี ขอให้ลูกทำบุญอุทิศไปให้มากๆ (ทั้งที่ข้อเท็จจริงนายชาติชายยังไม่ได้เสียชีวิต) 2. อ้างว่าพบเห็นวิญญาณของสตีฟ จ็อบส์ ไปเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา 3. เรื่องพบเห็นพุทธทาสภิกขุตกอยู่ในนรกเพราะสอนธรรมะผิดและเป็นมิจฉาทิฏฐิ เรื่องพบเห็นพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อยู่ในนรกเพราะหลงว่าตนเป็นพระอรหันต์ ธัมมชโยจึงช่วยขึ้นมาบำเพ็ญบารมีต่อที่ชั้นดาวดึงส์ และ 4. การอวดอ้างว่าตนเป็นต้นธาตุ ต้นธรรม เป็นพระพุทธเจ้า ทั้งฝ่ายโปรดและฝ่ายปราบเหนือกว่าพระพุทธเจ้าธรรมดา สามารถให้ธรรมแก่ผู้ใดให้บรรลุธรรมกาย หรือปราบจับขังไว้ในตู้เซฟไม่ให้ได้ผุดได้เกิดก็ได้

“เฉพาะกรณีการเทศน์และเผยแพร่อวดอ้างว่านายชาติชาย โรจน์กิรติการ ตายแล้วไปเกิดในสวรรค์ชั้นที่ 2 (น้าชายนายสมคะเน ยอดพราหมณ์ พยาน) แต่ข้อเท็จจริงนายชาติชายยังไม่เสียชีวิต ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าพระธัมมชโยกับพวกไม่มีญาณวิเศษจริง โดยนำเข้าเผยแพร่ทางเว็บไซต์ http://www.dmc.tv เมื่อวันที่ 29-30 พฤษภาคม 2556 และเมื่อวันที่ 11-15 ตุลาคม 2556 เพื่อหวังเงินบริจาคจากประชาชนที่หลงเชื่อในคุณวิเศษที่ไม่มีอยู่จริง ครบองค์แห่งอาบัติปาราชิกสิกขาบทที่ 4 และมีกรณีคล้ายคลึงคือ กรณีพระวีรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก แห่งวัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ กล่าวอ้างระหว่างเทศนาธรรมว่า เคยมีเพื่อนเป็นพระอินทร์ สามารถระลึกชาติได้ และเคยเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า โดยพระพุทธเจ้าตรัสว่า หลวงปู่เณรคำจะได้เป็นผู้กอบกู้ศาสนา และเวียนว่ายตายเกิดมาจนถึงยุคปัจจุบันเพื่อนำพาศาสนิกชนให้หลุดพ้น ทำให้การกระทำดังกล่าวว่าเข้าข่ายการอวดอุตริมนุสธรรม” นายไพบูลย์กล่าว

นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า จึงขอให้สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้พิจารณาชั้นต้น และพระราชวิสุทธิเวที เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะผู้พิจารณาชั้นต้น ดำเนินการไต่สวนว่า 1. อุตริมนุสธรรมไม่มีในตน 2. อวดด้วยมุ่งลาภ สรรเสริญ 3. ไม่อ้างผู้อื่น 4. บอกแก่ผู้ใดผู้นั้นเป็นชาติมนุษย์ 5. เขารู้ด้วยความในขณะนั้น ตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม และดำเนินการนำส่งรายงานข้อเท็จจริงว่า ข้อกฎหมายพระธรรมวินัยต่อมหาเถรสมาคมด้วย เพื่อให้มหาเถรสมาคมได้พิจารณาดำเนินการให้พระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) สละสมณเพศเสียตามอำนาจหน้าที่และขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21








กำลังโหลดความคิดเห็น