"อลงกรณ์" เผย สปท.ประชุมเชิงปฏิบัติการได้ประโยชน์มาก อัพเดทความคืบหน้าปฏิรูป เน้นปชช.รับรู้ข้อมูลให้มากที่สุด ย้ำงานปฏิรูปคืบหน้าตามเป้า หลายเรื่องลงสู่การปฏิบัติแล้ว แจงถกเพื่อปรับแผนการทำงานใหม่ เพื่มให้งานก่อนหมดวาระมีประสิทธิภาพ วอนแยกการเมืองออกจากปฏิรูป ช่วงประชามติ ชี้ดิสเครดิตเท่ากับดิสเครดิตชาติ ชี้ ต้องปรับเน้นพิจารณากม.สำคัญตามวาระที่สั่นลงของสปท.
วันนี้ (31พ.ค.) ที่รัฐสภา นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสัมมนาของสมาชิกสปท.ที่ผ่านมาในช่วงเช้าวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการของสปท.ได้ประโยชน์อย่างมาก มีการนำเสนอรายงานของทุกคณะกรรมาธิการและทุกคณะกรรมการ เพื่ออัพเดทให้สมาชิกได้ทราบถึงความคืบหน้าและทราบถึงการวางแนวทางของการทำงานในการปฏิรูปในระยะเวลาที่เหลืออยู่ประมาณ 6 - 8 เดือน หากรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติ ในส่วนนี้ ประธาน สปท.จะนำเข้าสู่ที่ประชมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสปท.(วิปสปท.) เพื่อนำข้อเสนอมาสู่การพิจารณาโดยที่ทุกคณะมีความตั้งใจที่จะนำเสนอ แผนปฎิรูปในกรอบของ37 วาระ และทำจุดสำคัญ ในวาระปฏิรูปที่สำคัญๆ เช่นเรื่อง การปฎิรูปกฎหมายกระบวนการยุติธรรม การปฏิรูปปัญหาการคอร์รัปชั่น การปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปเศรษฐกิจ
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่านอกจากนี้ ยังมีการเน้นการมีส่วนร่วมของสมาชิก และสาธารณชน และเรื่องการขับเคลื่อน สื่อสารการประชาสัมพันธ์ ก็จะมีการมุ่งเน้นเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารความคืบหน้าของการปฏิรูปอย่างมากที่สุดเพื่อที่จะได้เกิดประโยชน์ “การเปิดตัวเสียงปฏิรูปประเทศ” ก็ถือเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปจากการสัมมนาแล้วก็จะ นำข้อแนะข้อสังเกตไปเข้าที้ประชุมวิปในวันที่ 2 มิ.ย.นี้
เมื่อถามว่า การจัดสัมมนาในช่วงเช้าเป็นเพราะว่าผลงานของสปท.ยังไม่มีความชัดเจน และเพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของสมาชิกสปท.นายอลงกรณ์ กล่าวว่าความจริงงานก็มีความคืบหน้าพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องงานด้านการปฏิรูปก็มีความคืบหน้าในเรื่องการจัดทำแผนปฏิรูปผ่านมติ 62 แผน โดยในจำนวนดังกล่าว 49 แผนจัดส่งไปยังรัฐบาลแล้วอีก 13แผน ผ่านมติและอยู่ระหว่างการจัดทำรายงาน การพิจารณาแผนปฏิรูป เป็นไปตามเป้าหมาย การประสานงานในส่วนของการขับเคลื่อนการปฏิรูปกับ วิป 3ฝ่าย หรือ วิป2 ฝ่ายมีความก้าวหน้าดี วิป 3 ฝ่ายเห็นชอบไปแล้ว 37 แผน หลายเรื่องมีการลงไปสู่การปฏิบัติแล้ว เช่นการปฏิรูปเศรษฐกิจ การปฏิรูปสังคม
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า การทำงานเป็นทีมของสปท.ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ปัญหาส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นคือการทำความเข้าใจ ว่าทำอย่างไรจะให้สาธารณชนได้สนใจในเรื่องข่าวสารการปฏิรูป การขจัดให้การประชุมเชิงปฏิบัติการมีเหตุผลว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีการกำหนดวาระสปท.ว่าจะหมดวาระหลังจากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติและประกาศใช้ ภายใน 120 วัน ทางสปท.จึงต้องมีการปรับแผนการทำงานใหม่ เพื่อให้เวลาที่เหลืออีก 6 เดือน หรือ 1ปี ที่เหลือจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและบรรลุเป้าหมายวาระปฏิรูปที่สำคัญ 37 วาระได้ และขณะเดียวกันก็สามารถที่จะร่วมขับเคลื่อนกับทุกภาคส่วนในการที่จะทำให้การปฏิรูปเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ในบรรยากาศอยู่ในช่วงของการทำประชามติ ก็จะมีความสับสนอลม่านพอสมควร ก็อยากจะเรียกร้องขอให้บรรดาพรรคการเมือง แยกการเมืองออกจากการปฏิรูป เวลาแสดงความเห็นใดๆ ขอให้แยกระหว่างการเมืองกับการปฏิรูปออกจากกัน เพรากการปฏิรูปเป็นการปฏิรูปเพื่อคนไทยทุกคน ไม่ควรแบ่งฝักแบ่งฝ่าย การปฏิรูปไม่มีสีแดง สีเหลือง สีเขียว เรื่องการปฏิรูปจะไม่มีเรื่องพรรคนั้นพรรคนี้ ถ้าการเมืองยังเข้ามา ดิสเครดิตการปฏิรูป ซึ่งไม่ได้เป็นการดิสเครดิต สปท.หรือแม่น้ำ 5 สาย แต่เป็นการขัดขวางประเทศเราเอง เป็นการดิสเครดิตประเทศด้วย เพราะการปฏิรูปเป็นเรื่องของทุกคน จึงอยากให้มาร่วมมือ หากมีข้อเสนอแนะใดทางสปท.รับฟังอยู่แล้ว และการที่พรรคการเมืองบางพรรค บอกไม่มีส่วนร่วมนั้นคงไม่ใช่เพราะในสปท.เองก็มีตัวแทนพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองเกือบทุกพรรค อย่างไรก็ตามตนอยากจะให้แยกการเมืองกับการปฏิรูปออกจากกัน
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีการพูดถึงการพิจารณากฎหมาย ที่ทางสปท.ดำเนินการไว้จำนวน 120 ฉบับ แม้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะพิจารณาอย่างรวดเร็วเป็นประวัติศาสตร์ก็ตาม แต่ด้วยเงื่อนเวลาอายุของสปท.ที่สั้นลงจึงจำเป็นต้องปรับการพิจารณาโดยเน้นกฎหมายที่สำคัญ เพื่อเป็นไปตามทิศทางและแผนงานของสปท.ที่วางไว้