“อภิสิทธิ์” เรียกร้อง คสช.ทบทวนคำสั่งยกเว้นทำอีไอเอ และเอชไอเอ บางโครงการ ระบุส่วนทางปฏิรูป อาจขัดแย้งบานปลาย ชี้แลนด์มาร์กเจ้าพระยาต้องทำอีไอเอ-เอชไอเอ พร้อมดึงประชาชนมีส่วนร่วมเลี่ยงแรงต้าน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีคำสั่ง คสช.ให้แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 โดยให้ยกเว้นกฎหมายเกี่ยวกับการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ (เอชไอเอ) ในบางโครงการ โดยอ้างการปฏิรูปเศรษฐกิจว่า ตนมองว่าไม่ใช่การปฏิรูปแต่เป็นการสวนทางต่อการปฎิรูป เศรษฐกิจไทยควรอยู่บนพื้นฐานการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน ท้องถิ่น และภาคประชาชนให้สามารถมีส่วนร่วมเพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจเกิดประโยชน์แท้จริง แต่ถ้าให้อำนาจการปฏิรูปโดยกลุ่มคนที่ไม่สอดคล้องกับความจริงที่เปลี่ยนแปลงของโลกและความต้องการของประชาชนจะไม่นำไปสู่การแก้ปัญหา
“ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งเรื่องอีไอเอ เอชไอเอ และผังเมือง เพราะจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐมากขึ้น จะทำให้เกิดคำถามว่าที่เร่งรีบเพราะต้องการเร่งการจัดซื้อจัดจ้างในเครงการขนาดใหญ่หรือไม่ และขอให้ติดตามดูโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลพยายามผลักดัน แต่ผมไม่ต้องการเห็นเรื่องนี้สร้างความขัดแย้ง เพราะถ้าเดินตามแนวทางนี้จะไม่เป็นผลดีต่อใครเลย อย่างโครงการแลนด์มาร์กเจ้าพระยาจำเป็นต้องทำอีไอเอ และเอชไอเอ แต่ถ้าคิดว่ากระบวนการล่าช้าก็ต้องไปแก้ไขส่วนนั้น ไม่ใช่มายกเว้นกฎหมายที่ใช้บังคับ”
ส่วนที่ ครม.มีมติใช้งบประมาณ 4 พันล้านบาทย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยารวม 1.1 ครัวเรือนนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้พิจารณาว่าประชาชนไม่มีปัญหาเรื่องการปรับพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำ แต่ปัญหาคือรูปแบบที่ใช้บังคับสร้างเขื่อนแนวยาว 7 กิโลเมตรสองฝั่ง มีผลกระทบและมีข้อท้วงติงมาก หากรัฐบาลอยากแก้ปัญหาพื้นที่ริมน้ำต้องทำงานร่วมกับประชาชนโดยปรับสภาพพื้นที่แต่ละจุดให้ประชาชนมีส่วนร่วมซึ่งจะทำให้ทุกฝ่ายยอมรับ จึงต้องมีการประเมินผลกระทบด้านต่างๆ แต่ถ้าคิดแค่จะทำให้เสร็จโดยไม่สนใจผลกระทบที่ตามมาจะเกิดความขัดแย้งลุกลามไปเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันมีหลายโครงการที่มีปัญหากับมวลชนอยู่แล้ว แต่รัฐบาลกลับให้กลไกราชการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวซึ่งอันตรายจึงขอให้ทบทวนทั้งหมด
