นายกฯ เขียนบทความฉบับล่าสุด ขอเชิญคนไทยรวมพลังก้าวข้ามความขัดแย้งเก่า เริ่มสู่เป้าหมายประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคง ด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ใช้เครื่องมือตามแนวทางประชารัฐ ส่งเสริมนายทุนน้ำดี ช่วยชาติบนพื้นฐานธรรมาภิบาล ชู “ผิด-หยุด” “ถูก-ทำ” บอกยุติเหมืองทองเพื่อสุขภาพชาวบ้านและสมดุลสิ่งแวดล้อม ส่วนค่าปรับคลองด่านต้องไม่เอาเปรียบเอกชน และไม่ละเมิดกฎหมาย แนะแก้ไขที่ตนเองก่อน
วันนี้ (31 พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เขียนบทความ “จากใจนายกรัฐมนตรี” ลงในจดหมายข่าวเพื่อประชาชน ฉบับที่ 27 วันที่ 1 มิ.ย. 2559
โดย พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า “สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน “…จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา…” ส่วนหนึ่งของบทเพลงพระราชนิพนธ์ ลำดับที่ 43 “ความฝันอันสูงสุด” ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ที่พระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยมาเกือบครึ่งศตวรรษ เพื่อส่งเสริมคนดีให้มีกำลังใจทำงาน โดยยึดมั่นอุดมการณ์รักชาติ และเตือนมิให้ท้อถอยในการทำความดีเพื่อบ้านเมือง โดยเฉพาะในยามวิกฤติ ยามที่ประเทศชาติต้องการความ “รู้ รัก สามัคคี” ซึ่งผมขออัญเชิญมาเพื่อรวม “พลังแผ่นดิน” ให้เราก้าวข้ามกับดัก “หยุดยั้ง…ความขัดแย้งเก่า” แล้วก้าวเดินไปข้างหน้า “เริ่มต้น…ความร่วมมือใหม่” เพื่อสานฝัน สร้างอนาคต ให้ลูกหลานไทยครับ
การเริ่มใหม่ครั้งนี้…มี 1. เป้าหมาย (End) ที่ชัดเจนคือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมั่งคง ด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน” 2. วิธีการ (Way) คือแนวทางตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในทุกระดับตั้งแต่รัฐบาลจนถึงระดับครัวเรือน ในทุกมิติที่สมดุลกัน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม โดยไม่ลืมการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม 3. เครื่องมือ (Mean) คือพลังแผ่นดินจาก “ไตรภาคี” ตามแนวทางประชารัฐ เพราะประเทศเป็นของทุกคนใช่เพียงเป็นของกลุ่มการเมือง หรือกลุ่มทุน ที่ปกติจะมีบทบาทนำ ในการขับเคลื่อนประเทศ แต่ “นักธุรกิจ-การเมือง” ที่บริหารประเทศเหมือนบริหารบริษัทย่อมไม่ปกติ เพราะบริษัทมุ่งหมาย “ผลกำไร” แต่ประเทศมุ่งหวัง “ผลประโยชน์ส่วนรวม” คือ ความผาสุขของคนทั้งชาติ อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ดังนั้นรัฐบาลต้องส่งเสริมบทบาท “นายทุนน้ำดี” ให้มีโอกาสช่วยชาติ ช่วยประชาชน บนพื้นฐานหลักธรรมาภิบาล
การลุกขึ้นยืนของประเทศครั้งใหม่นี้…มีการ “คิดใหม่ ทำใหม่” เป็นสามัญ ยิ่งกว่านั้นต้อง “คิดดี ทำดี” เป็นสำคัญ แล้วเดินหน้าประเทศใหม่ ไม่นอกรีต ไม่ผิดซ้ำรอย โดย…1. “ผิด-หยุด” พิจารณาข้อเท็จจริงใหม่ เช่น เรื่องการยุติเหมืองทองคำ รัฐต้องไม่เห็นเพียงรายได้ แต่ต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพของพี่น้องประชาชน และสมดุลของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ เป็นจุดตกลงใจ เรื่องค่าปรับคลองด่านรัฐต้องไม่เอาเปรียบเอกชน ไม่ละเมิดกฎหมายเอง 2. “ถูก - ทำ” ไม่ชักช้า ไม่ละเลย ไม่หาเสียง ไม่แอบแฝง เช่น การจัดระเบียบสังคม การปกครองการทุจริต การบูรณาการน้ำ การทวงคืนผืนป่า การจัดสรรที่ดินทำกิน บ้านประชารัฐ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) การติด GPS ในรถสาธารณะและรถบรรทุก เป็นต้น
ทั้งนี้ ผมเห็นว่า ในการปฎิรูป หรือการปรับแก้ หรือการริเริ่มใหม่ใดๆ ก็ตาม ให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมนั้น เราต้องสำรวจตัวเองก่อนให้ “รู้ตน รู้คน รู้โลก” เพราะเราแก้ไขคนอื่นไม่ได้ แต่เราแก้ไขตัวเองได้ โดยเริ่มต้นที่การพัฒนา “จิตสำนึก” ที่ดีครับ ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจครับ”