นายกรัฐมนตรีอ้างเห็นว่านานแล้วเลยผ่อนคลายคำสั่ง คสช. ไม่มีใครกดดัน ไม่เกี่ยวประชามติ ยันยังไม่ถึงเวลาปล่อยทำกิจกรรมในพรรค คิดบ้างถ้าวุ่นวายเลือกตั้งไม่ได้ก็มาโทษตนอีก ย้ำทำเพื่อตามโรดแม้ป ชี้ยังมีพวกไม่หยุดป่วน แต่ถ้ามองเป็นศัตรูคงไม่ให้เคลื่อนไหวขนาดนี้ ใครอ้างว่าไม่เป็นธรรมก็ฟ้องมา ลั่นไม่ได้อนุญาตให้หนี ถ้าหนีก็ไม่ใช่เรื่องของตน จ่อใช้อินเตอร์โพลตามล่า แต่รับข้างนอกถูกบิดเบือนไปเยอะ
วันนี้ (30 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีการผ่อนคลายคำสั่ง คสช.ให้นักการเมืองสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ว่า การผ่อนคลายดังกล่าวไม่มีใครสามารถกดดันตนได้อยู่แล้ว เพราะทำเพื่อคนไทย ประเทศไทย ฉะนั้นใครไม่เห็นชอบด้วยเขาก็ไปแสดงความคิดเห็นในช่องทางที่สร้างสรรค์ เรื่องนี้ไม่ใช่เกิดมาเมื่อไม่กี่วัน เพื่อนำไปสู่การทำประชามติ ไม่เกี่ยวกัน แต่เรื่องนี้เริ่มมาตั้งแต่ 22 พ.ค. 2557 และเมื่อเห็นว่านานมาแล้วจึงผ่อนคลายให้เท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวกับประชามติ ไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งสิ้น ทุกคนอยากให้ผ่อนคลายก็ทำให้ คุณจะต้องให้ใครมากำหนดกฎเกณฑ์ประเทศคุณหรือ เราก็ทำตามพันธสัญญาโลกอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายการเมืองอยากให้ผ่อนคลายในเรื่องกิจกรรมทางการเมืองในแต่ละพรรค นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่ผ่อน ยังไม่ถึงเวลา นักการเมืองเคยเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างหรือยัง พรรคไหนที่ยังไม่เปลี่ยน เมื่อถามว่าก่อนการทำประชามติประมาณ 1 เดือนจะพิจารณาผ่อนคลายเพิ่มเติมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่รู้ ดูสถานการณ์ก่อน ถ้ามันวุ่นวายขึ้นมาแล้วเลือกตั้งไม่ได้ก็โทษตนอีก คิดสองมุมนี้บ้าง
“ผมทำทุกอย่างให้เกิดความสงบเรียบร้อย เพื่อเดินไปตามโรดแมปของผมเท่านั้นเอง แต่ถ้าเขามุ่งหมายจะล้มทุกอย่างที่ผมทำอยู่แล้วทั้งหมด ท่านจะอยู่ตรงไหนกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่ามีอะไรเคลื่อนไหวอื่นนอกจากที่ปรากฏในสื่อหรือไม่ จึงไม่พิจารณาให้พรรคการเมืองจัดกิจกรรมใดๆ ได้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อต้องไปถาม เขาทำอะไรบ้าง วิเคราะห์เองได้ไม่ใช่หรือ เอาแค่ที่เขาเขียนในโซเชียลมีเดีย กับการให้ข่าวตามสื่อตรงนี้ วิเคราะห์กันให้ออก ตนวิเคราะห์ตามข้อมูลฐานข่าวที่มีอยู่ เขายังไม่หยุด ตนไม่ได้มองเป็นศัตรู หากมองเช่นนั้นคงลงโทษพวกเขาหมดแล้ว คงไม่ให้เคลื่อนไหวขนาดนี้หรอก แต่เขาก็ไม่เห็นในสิ่งที่ตนทำดีๆ ให้กับเขา ขณะเดียวกันยังยืนยันในสิ่งที่เขาทำมาตลอดว่าถูกต้อง โดยไม่คำนึงถึงข้อกฎหมายและวิธีบริหารจัดการที่ถูกต้อง ในฐานะเป็นผู้บริหารซึ่งตนทำให้ถูกก็ยังไม่ยอม แล้วจะยังไงกันต่อไป จะเกิดขึ้นเยอะกว่าเดิมหรือไม่ในรัฐบาลต่อไป เรื่องที่ได้รื้อมานั้นจะหยุดหรือไม่ ต้องคิดอย่างนั้น ตนห่วงตรงนั้นมากกว่า คนไทยทุกคนและสื่อไม่ห่วงหรือ วันนี้ทำทุกอย่างให้โปร่งใส มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กฎหมายมีผลบังคับใช้อย่างเที่ยงธรรม เป็นธรรม ที่อ้างว่าไม่เป็นธรรมก็ฟ้องมา มีช่องทางอยู่แล้ว อย่าเอามาพันกันมันจะแก้ไม่ได้
เมื่อถามว่า บอกได้หรือไม่ว่า ในสมัยการบริหารประเทศนี้จะไม่มีนักการเมืองหนีคดีทุจริตไปต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนจะไปรับประกันเขาได้อย่างไร ต้องไปถามคนที่อยู่ในคดี พอตนไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศก็ดิ้นรนให้เขาออก ถ้าเขาหนีไปก็อย่ามาโทษตน จะเอาทุกอย่างในเวลาเดียวกันไม่ได้
“คุณไม่ให้โอกาสผมทำงาน แต่จะเรียกให้อีกข้าง มันก็เป็นอย่างนี้ ก็แลกเอา ฉะนั้นอย่ามาถามว่าเขาจะหนีไหม ถามผมได้ไง ผมไม่ได้อนุญาตให้เขาหนี ผมอนุญาตให้เขาไปต่างประเทศตามที่เรียกร้อง ไปเยี่ยมญาติไปอะไรต่างๆ ผมก็ให้เสรี แต่ถ้าเขาหนีไม่ใช่เรื่องของผม ก็ต้องใช้กลไกทางกฎหมายอินเตอร์โพล ตามจับตัวมา สุดแล้วแต่ต่างประเทศจะร่วมมือหรือเปล่า วันนี้สภาวะแวดล้อมต่างๆ เขาก็ไปสร้างความบิดเบือนเรื่องต่างๆ ไว้เยอะแยะ เต็มไปหมดข้างนอก แล้วสื่อก็ไปคล้อยตามเขียนให้เขา มันก็เป็นอย่างนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า หากนักการเมืองไปพูดเรื่องประชาธิปไตยหรือสถานการณ์การเมืองของไทยบนเวทีโลกได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะตามไปห้ามเขาได้ไหม หากจับตาแล้วจะถึงตัวไหม เขาไปต่างประเทศ แต่ถ้าอยากจะพูดก็พูดไปแล้วจะนับถือคนเหล่านี้ก็ตามใจ
เมื่อถามว่า ถ้าไปพูดแล้วมีผลกระทบจะมีการพิจารณาทบทวนเป็นกรณีหรือไม่ นายรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่รู้ ยังไม่ขอพูดตรงนี้ โดยเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงดูอยู่ ทุกอย่างโยนมาที่รัฐบาลหมด ไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง แล้วไม่รับอะไรกันเลย ไม่ต้องการเข้าระเบียบมันก็เป็นอยู่อย่างนี้ ฉะนั้นคนไทยทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบทั้งหมด เพราะตนกำลังแก้ให้คนทั้งประเทศ ต้องกระจายความรับผิดชอบ ไม่ใช่มุ่งแต่กระจายอำนาจแต่ความรับผิดชอบไม่มี มันก็จะเละไปกว่าเดิม อย่างกรณีวันข้างหน้าที่พลังงานขาดแคลน ประเทศไทยพร้อมในทุกมิติหรือยัง ความคิดความอยู่ร่วม ความรับผิดชอบ จิตสำนึก มีหรือไม่ การไม่ทุจริตมีด้วยตัวเองหรือไม่
“ต่อให้เขียนกฎหมายอย่างไร ปฏิวัติร้อยครั้งก็ยังเป็นแบบเดิม เพราะคนเราไม่เปลี่ยนแปลง” นายกฯ กล่าว