มหาเถรสมาคม พระอิฐพระปูน ในอุปถัมภ์ของธัมมชัยโย

คดีความที่ ธัมมชัยโย ถูกตั้งข้อหา ร่วมกันยักยอกทรัพย์ และฟอกเงิน ในทางโลก การดำเนินคดีเพิ่งจะเริ่มต้น ยังต้องผ่านกระบวนการพิจารณาคดีในศาล ถือว่า ธัมมชัยโย ยังไม่มีความผิด

แต่ในทางธรรม พฤติกรรมของธัมชัยโยนั้น ไม่เหมาะสมกับความเป็นพระ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระที่มีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส

การทุจริต ยักยอกเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นนั้น ทำเป็นขบวนการ มีคนของวัดพระธรรมกายเป็นตัวการ นับตั้งแต่ ตัวการใหญ่ คือ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีต ประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ซึ่งเป็นอดีตไวยาวัจกร วัดพระธรรมกาย ใกล้ชิดกับธัมมชัยโย ชนิดเข้านอก ออกในห้องส่วนตัวได้ เป็นคนยักยอกเอาเงินฝากของสมาชิกสหกรณ์ 16,000 ล้านบาท และตัวการร่วม 5-6 กลุ่ม หนึ่งในนั้น คือ ธัมชัยโย กับพระลูกวัดทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่เป็นผู้รับเช็คซึ่งนายศุภชัยเป็นคนเซ็น รวมกันแล้วมีมุลค่า 1,200 ล้านบาท

คดีนี้จึงไม่ใช่การลักเล็ก ขโมยน้อย เบียดบังเงินหลวง กินตามน้ำ แบบคดีที่พระพรหมสุธี อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ถูก สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ แต่เป็นการวางแผนปล้นระดับชาติ มีผู้เสียหาย 5หมื่นกว่าราย ต้องสูญเงินที่เก็บหอมรอมริบ เอาไปฝากกินดอกกับสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น

กรณีของพระพรหมสุธี หรือเจ้าคุณเสนาะนั้น ถูก สตง ตรวจสอบพบว่า ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณในการจัดงานศพสมเด็จพุฒาจารย์ หรือ สมเด็จเกี่ยว อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เพราะมีเอกชนรับเป็นเจ้าภาพในด้านต่างๆ แต่ไม่ยอมคืนเงินประมาณ 67 ล้านบาท สตง. จึงทวงเงิน

เรื่อง นี้ เป็นเรื่องทางโลก ยังไม่มีการตั้งข้อหากับเจ้าคุณเสนาะ เพราะอยุ่ระหว่างตรวจสอบ แต่ เมื่อเรื่องไปถึง สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นประธานมหาเถรสมาคม จึงมีคำสั่งปลดเจ้าคุณเสนาะออกจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคมทันที

หลังจากนั้น เจ้าคุณเสนาะก็ถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งคือ ถูกเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ปลดจากตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดสระเกศ ถูกเจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออก ปลด จากตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 และถูกมหาเถรสมาคมปลดจากตำแหน่งประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมฑูตในต่างประเทศ

หนึ่งปีต่อมา เจ้าคุณเสนาะตัดสินใจผูกคอตายในกุฏิ

คดีธัมมชัยโย ยักยอกทรัพย์และฟอกเงินนั้น หากมหาเถรสมาคมไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่คำนึงว่า ใครเป็นคนของใคร แม้คดีทางโลกยังไม่ถึงที่สุด แต่พฤติกรรมของธัมมชัยโย ตามหลักฐานของดีเอสไอ รุนแรงร้ายแรงกว่า พฤติกรรมของเจ้าคุณเสนาะ ซึ่ง สตง ใช้คำว่า “ มีความไม่ปกติในการใช้เงินงบประมาณ” อย่างน้อยที่สุด เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ต้องรายงานต่อ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เพื่อเสนอต่อ มหาเถรสมาคมให้พักงานในตำแหน่งเจ้าอาวาสไว้ในระหว่างถูกดำเนินคดี

แต่ มหาเถรสมาคม ตลอดจนพระที่มีหน้าที่ในทางปกครองต้นสังกัดของวัดพระธรรมกาย พากันนิ่งเฉย ทั้งยัง ปล่อยให้ธัมมชัยโย และสมุนบริวาร จัดฉาก สร้างเรื่องโกหก เพื่อหลบเลี่ยงการถูกดำเนินคดี

หากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ ของธัมมชัยโย จะเอ่ยปากสักนิด ให้ศิษย์รัก ทำตามกฎหมาย ไปมอบตัวรับทราบข้อกล่าวหากับดีเอสไอ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง สถาการณ์ที่ส่อเค้าว่าจะบานปลาย ก็จะสงบลงได้

แต่บรรดาพระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์ ในมหาเถรสมาคมทั้งหลาย ต่างทำตัวเป็นพระอิฐ พระปูน ยอมให้มีการบิดเบือน ใช้ศาลนาพุทธเป็นเครื่องมือปกป้องคนทำผิด ไม่ต้องทำตามกฎหมาย

กรณีเจ้าคุณเสนาะนั้น ว่ากันว่า เมื่อสิ้นสมเด็จเกี่ยวแล้ว ก็ขาดพระผู้ใหญ่ที่จะมาคุ้มครองปกป้อง สมเด็จช่วง จึงตัดสินใจได้เด็ดขาด และกรรมการมหาเถรสมาคมก็สนองตอบโดยพร้อมเพียง ไม่ต้องเกรงใจใคร

ส่วนธัมชโยนั้น นอกจากสมเด็จช่วง จะประกาศอย่างชัดเจนถึงความผูกพัน ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่ธัมมชโยมอบให้แล้ว ด้วยทานบารมีที่ธัมชัยโยสั่งสมมา โดยการให้กับ พระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์อย่างทั่วถึง อย่างต่อเนื่อง เสมอต้นเสมอปลาย อานิสงค์แห่งการให้นี้ ทำให้มหาเถรสมาคมปิดปากเงียบ ไม่ยอม ไม่กล้า แตะต้องธัมมชัยโย